การ์ดฟุตบอล อีกของสะสมที่กลายเป็นธุรกิจได้ ขอบอกเลยว่าราคาการ์ดแต่ละใบไม่ใช่ถูก ๆ เลยนะ เพราะบางใบมีราคาถึงหลักล้านเลยทีเดียว แต่ไม่ใช่ว่าทุกใบจะมีราคาขนาดนี้ ราคาของการ์ดขึ้นอยู่กับอะไร? แล้วทำไมถึงมีราคาขนาดนี้? เรามาหาคำตอบกัน กับเรื่องราวของคุณอิทธิ นานา นักสะสมการ์ดฟุตบอลระดับโลก
การ์ดบอลคืออะไร
คุณอิทธิ อธิบายว่าการ์ดมันก็มีบริษัทที่ผลิต บริษัทผลิตมาโอเคมีลายเซ็นบ้างมีผ้าบ้างมีแค่รูปนักเตะบ้างคือแต่ละรุ่นออกมาทีมมันไม่เหมือนกันอยู่แล้วยกตัวอย่างเช่นสมมุติบางเซ็ตอาจจะเป็น EPL หรือคนที่คนไทยชอบดู premier league บางเซ็ตอาจจะเป็นทีมชาติทุกรุ่นที่เขาออกมาเขาจะบอกครับว่า อัตราส่วนคือห้าต่อหนึ่งแปดต่อหนึ่งก็หมายความว่า คุณอาจจะต้องเปิดห้ากล่องหรือแปดกล่อง แต่มันก็จะมีคนโชคดีที่ซื้อรุ่นนั้นมาเปิดกล่องเดียวแล้วก็ได้ แล้วแต่ราคาแล้วแต่รุ่นมันคือความเสี่ยงที่ไม่รู้แน่ชัดว่ามันออกแล้วครับแต่บางคนเขาก็ชอบ
ช่องทางตลาด
คุณอิทธิ เล่าว่าความง่ายของการ์ดบอลก็คือว่าคุณจะขายเป็นเดี่ยวก็ได้คุณจะขายเซ็ตก็ได้คุณจะขายกล่องที่ยังไม่เปิดก็ได้ คือคนส่วนใหญ่เขาก็อ้างอิงตลาดรองที่สมมุติใหญ่ที่สุดก็คือว่า ebay ราคา ebay ล่าสุดคือเท่านี้ ๆ แต่จริง ๆ แล้วสุดท้ายแล้วมันของซื้อขายครับมันอยู่ที่ความพึงพอใจของผู้ซื้อผู้ขายนั่นแหละมันไม่มีราคากลางขนาดนั้นหรอกแต่ส่วนตัว ซุปทํากําไรได้เยอะมาจากกล่องช่วงพีคสุดเลยซุปขายไปหนึ่งกล่องก็ประมาณหนึ่งแสนบาท ทุนสองกล่องหนึ่งหมื่นห้าพันบาทอย่างนี้ผมขายไปแล้วตัด ebay ฟรีแล้วผมได้หนึ่งแสนบาท
ช่วงบอลโลกราคาการ์ดขึ้น
โดยปกติแล้วช่วงบอลโลกเป็นช่วงที่บอลราคาขึ้นเยอะมากการ์ดบางใบที่มันอยู่ที่ห้าพันบาทหรือหนึ่งหมื่นบาท แล้วกลายเป็นใบละหกหมื่นบาทเจ็ดหมื่นบาท เพราะว่าการ์ดพวกนี้มันบูมมาจาก NFL NBA ตลาดใหญ่มันคืออเมริกาที่เวลาบอลมันขึ้นช่วงบอลโลกคือคนที่ลงทุนพวกนั้น เขาหันมาสนใจบอลเขาอาจจะไม่รู้เรื่องนักเตะเยอะ คนที่รู้เรื่องเยอะ จะทํากําไรได้เยอะเพราะมันจะมีนาย ก. ที่โดดเข้ามาซ้อนซื้อ ๆ ช่วงฟุตบอลโลกคนก็จะโดนก็เยอะ กําไรก็เยอะครับ
การ์ดสะสมสู่ธุรกิจ
คุณอิทธิ เล่าว่าธุรกิจเกี่ยวกับการ์ดมันต้องศึกษา มันไม่หมายความว่าซื้อการ์ดมาขายไป ที่คนไทยชอบทํากันก็คือสะสมเป็นนักเตะดาวรุ่งนักเตะพอเขาเก่งแล้วคนจะตามกลับมาหา คนที่เข้ามาใหม่ ๆ ก็พยายามจะเก็งว่า ใครในอีกสี่ห้าปีจะเก่ง ความเสี่ยงก็คือว่าถ้าสมมุติจะเป็นการ์ดการ์ตูน มันไม่มีเรื่องเจ็บมันไม่มีเรื่องนิสัย มันมีหลายปัจจัยเหมือนกันที่จะต้องศึกษา มันไม่สามารถที่จะทุกใบหรือทุกกล่องจะได้กำไร คือหลาย ๆ ครั้งบางคนเขาจะบอกว่า ถ้ามันกําไรฉันไม่ปล่อย บางครั้งถ้ามันลงจริง ๆ ขาดทุน คุณขาดทุนไปเถอะ
“คุณดูภาพรวมสิเพราะบางทีคุณขาดทุนใบนี้แค่สมมุติสองพันบาท แต่ว่าคุณได้เงินกลับมาซื้อใบนี้ คุณอาจจะกําไรห้าพันบวกลบคุณก็จะบวกสามพัน ทุกคนอยากรวยเร็วเวลาคนชมว่า ฉันขายใบนี้ได้ห้าแสนบาท หนึ่งล้านบาท แต่ว่าหลาย ๆ คน ไม่ได้แชร์ว่า กว่าที่เขาจะได้ใบนี้มา ที่เฝ้ามันมาอะไรอย่างนี้ มันมีระยะเวลา มันไม่มีทางที่จะแบบซื้อวันนี้พรุ่งนี้รวย” คุณอิทธิ กล่าว
การ์ดใบสำคัญ
คุณอิทธิ นำการ์ดที่มีมูลค่ามากที่สุดมาให้ดู โดยเป็นการ์ดของ Ronaldo R9 ปัจจุบันถ้าจะซื้อรุ่นนี้ซึ่งมันเหลือน้อยมาก เขาขายกันอยู่ที่ เคสละสามล้านบาท กล่องบอลโลกตอนนั้นนะครับ ในไทยขายกันประมาณสี่พันห้าร้อยบาทถึงห้าพันห้าร้อยบาท กล่องเนี้ยเคยขึ้นไปพีคสุดถึงกล่องละหนึ่งแสนสองหมื่นบาท กล่องละสี่ร้อยบาทหรือกล่องละสี่แสนบาท มันเป็น nice to have ไม่ใช่ much have มีก็ได้ ไม่มีก็ไม่ตาย
เคล็ดลับธุรกิจ
คุณอิทธิ เผยวว่าอันดับแรกมันต้องเอาเท่าที่เราไหว เมื่อคุณพร้อมเอาเงินที่พร้อมจะเสียมาลงทุนดีกว่าคือ สมมุติว่าคุณพร้อมที่จะเสียเงินหนึ่งหมื่นบาท ตีซะว่าเงินหนึ่งหมื่นบาทเนี้ยมันเสียไปแล้ว แต่ถ้าหนึ่งหมื่นบาทนั้นถ้าคุณศึกษาดี ๆ มันก็กลายเป็นหนึ่งแสนบาท ฟุตบอลมันเป็นกีฬาที่คนดูเยอะที่สุดในโลกครับ ฟุตบอลมันก็ไปได้อีกเยอะ แค่นั้นมันมีขึ้นมีลงคือซุปมองว่ายังไงคน ชอบฟุตบอล คนที่เชียร์ทีมทั้งทีนี้ยังไงเขาก็ยังสะสม สําคัญสุดคือดูว่าคุณชอบหรือเปล่า ทําการบ้านเยอะ ๆ ศึกษาเยอะ ๆ แล้วก็เหมือนที่บอกเสมอครับเป็น nice to have ไม่ใช่ much have ครับ มีก็ได้ไม่มีก็ไม่ตาย