จดห้างหรือบริษัทดี (1) โดย ทนายอำพล รัตนมูสิก


เป็นคำถามยอดฮิตกันจริงๆ ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ผมต้องใช้เวลาตอบคำถามนี้ แน่นอนนักลงทุนมักจะถามบางคำถามที่ลงลึกในรายละเอียดเป็นต้นว่า   จดห้างสองคนได้ไม่  จดบริษัทต้องลงทุนอย่างน้อยเท่าไร ใครสามารถเป็นผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัท  เป็นต้น  ยืนยันว่ายังมีอีกหลายถามซึ่งคำถามที่ยกมาเป็นตัวอย่างเหล่านี้ต้องใช้เวลาตอบอย่างน้อย 1 ชั่งโมง ทำไมเป็นเช่นนี้ก็ท่านนักลงทุนคิดดูนะครับว่าคำถามเหล่านี้มันเป็นคำตอบที่ทุกท่านจะต้องรู้มาก่อนที่จะท่านจะเดินมาหาแล้ว ซึ่งความเป็นจริงท่านสามารถหาความรู้เหล่านี้ได้จากร้านหนังสือใหญ่ในปัจจุบันมักจะวางขายกันแล้วเป็นมุมกฎหมายโดยเฉพาะทีเดียว  ผมจั่วหัวว่าจดห้างหรือบริษัทดี (1)  ไว้นะครับดังนั้นแน่นอนเรื่องนี้จะต้องยืดยาวพอสมควรแต่จะไม่ยาวมากจนถึงท่านนักลงทุนต้องรำคาญใจ  ทำอย่างไรได้ในเมื่อผมจะได้พบท่านแต่ละครั้งมันยาวนานผมจึงต้องหาเรื่องราวมาคุยเล่นๆกันก่อนจะเข้าเรื่อง เป็นการขายน้ำจิ้มก่อนว่าถูกปากหรือไม่อย่างไร  สำหรับเรื่องนี้ผมแบ่งเป็นสองตอน  (1) เกี่ยวกับกิจการและความสัมพันธ์ของผู้ลงทุน   (2)  การบริหารงานและภาษี   ทั้งสองเรื่องนี้ผมจะเน้นเฉพาะกลไกของความไม่โปร่งใส   ผู้ลงทุนควรรู้ก่อนหมดตัว

การจดห้างหรือบริษัทดีกว่าเป็นคำถามที่ดี ก่อนอื่นท่านต้องพิจารณาวางแผนกิจการของท่านให้รอบคอบก่อน  กิจการของท่านต้องใช้เงินลงทุนเป็นอย่างไร  ใครบ้างที่จะร่วมลงทุนบ้าง  บางกิจการผลประกอบการไม่ชัดเจนว่าจะเป็นอย่างไรก็มักจะหาผู้ร่วมทุนยากมาก หรือท่านผู้ลงทุนต้องการจำกัดถึงคุณสมบัติของผู้จะมาร่วมลงทุนด้วยเป็นต้น  การตัดสินใจในการจดห้างหรือบริษัทดีจะตัดสินใจยากผมจึงใคร่ขอตั้งข้อสังเกตให้ท่านไว้อย่างนี้นะครับ  หากผู้ลงทุนเป็นญาติกันสมควรจดห้างหุ้นส่วนจำกัด หรือห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลก็ได้  และหากผู้ลงทุนหลากหลาย

ควรจดเป็นบริษัทจะดีกว่า เนื่องจากห้างหุ้นส่วนจำกัด ต้องการหุ้นส่วนผู้จัดการผู้มีอำนาจกระทำแทนห้างหุ้นส่วนจำกัดซึ่งจะไม่กัดความรับผิดต่อบุคคลภายนอก ส่วนบริษัทจำกัดความรับผิดไว้เฉพาะจำนวนมูลค่าหุ้นที่ผูกพันอยู่กับผู้ลงทุนเท่านั้นกัน  ปัญหาของผู้ลงทุนส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นจากการไม่ไว้ใจการบริหารงานกันภายหลังหากเป็นห้างการเลิกจะเกิดขึ้นได้สูงมาก   ส่วนบริษัทนั้นหากเกิดความไม่ไว้วางใจกันในภายหลังผู้ลงทุนมักมีวิธีการจัดการได้หลายวิธี การซื้อหุ้น  การขายหุ้นสามารถกระทำได้ง่าย ความเชื่อถือของบุคคลทั่วไปจะให้ความเชื่อถือบริษัทมากกว่า แต่อย่างไรก็ตามไม่ใช่การขายหุ้นในห้างจะกระทำไม่ได้สามารถทำได้แต่ใครละร่วมลงทุนไปกับท่าน  ดังนั้นจึงสรุปว่าหากผู้ร่วมลงทุนเป็นญาติๆกันควรจดห้างฯ ส่วนบริษัทควรจดเมื่อมีผู้ลงทุนหลากหลาย ในการร่วมลงทุนความเข้าใจ  ความไว้เนื้อเชื่อใจ  เป็นสิ่งสำคัญมากนั้นหมายถึงความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันของผู้ร่วมลงทุนด้วย  เมื่อได้พิจารณาเรื่องผู้ร่วมลงทุนจบกันไป  ต้องคำนึงถึงกิจการของท่านด้วยว่ากิจการของท่านมีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการอะไร  เป็นการวางแผนระยะยาว กิจการของท่านต้องดำเนินธุรกิจอะไร  บางธุรกิจหากเป็นห้างหุ้นส่วนจะบริหารกิจการได้ยากกว่าบริษัท หมายถึงการตัดสินใจทำอะไรเรื่องใดๆ  ต้องยอมรับว่าการตัดสินใจต้องคำนึงถึงผู้ร่วมลงทุนด้วยว่ามันเสี่ยงหรือไม่อย่างไรมากน้อยเพียงไหน  ผู้ร่วมทุนต้องการรับรู้การบริหารงานมากน้อยเพียงใด มันไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้ชัดเจน  แต่อย่างบริษัทการบริหารงานจะชัดเจนเป็นไปตามระเบียบที่วางไว้ หากทำตามระเบียบทุกคนย่อมให้การสนับสนุนและรับรอง  แต่อย่างไรก็ดีหากการบริหารงานของกิจการในครอบครัวก็มักจะจดเป็นห้างเนื่องจากส่วนใหญ่ผู้นำครอบครัวมักมีตำแหน่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ  แต่กิจการก็มักจะเจริญเติบโตได้อย่างจำกัดซึ่งไม่เหมาะกับภาวะปัจจุบันที่มักบริหารงานโดยการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่มีอยู่

เนื่องจากการลงทุน และมีผู้ร่วมทุน  ทำกิจการทั้งสองเรื่องที่ผมนำเสนอเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ผู้ลงทุนควรคำนึงเรื่องของผลประโยชน์ให้มากว่ามักจะก่อให้เกิดปัญหา  หากกิจการไปได้ดีก็อาจจะมีปัญหากันได้   และหากกิจการไม่ดีก็อาจจะมีปัญหากันได้ด้วยเช่นกัน  ปัญหาเรื่องความสัมพันธ์และกิจการจึงเป็นเรื่องต้นๆที่ทุกท่านจะต้องให้ความสำคัญ  ท่านมีความสัมพันธ์กันอย่างไร  และกิจการหรือโนฮาวนั้นๆเป็นของใครท่านต้องคำนึงให้ดี  ผู้ลงทุนไม่ควรเป็นแกะดำในฝูง  หรือผลประโยชน์ของใครๆย่อมหวงเป็นธรรมดา การคิดให้รอบคอบนอกจากจะไม่เสียเพื่อนแล้วจะทำให้ท่านมีเพื่อนแท้ๆเพิ่มขึ้นจากการลงทุนในแต่ละครั้งนะครับ

เมื่อได้พิจารณาสองข้อนี้แล้วและตัดสินใจในการลงทุน  ท่านต้องติดตามเรื่องการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลไว้  เนื่องจากหากอยู่ระหว่างการจดทะเบียนห้างหรือบริษัทก็ตาม การกระทำใดๆของตัวแทนต่อบุคคลภายนอกจะผูกพันบริษัทหรือห้างแม้นการจดทะเบียนจะยังไม่ลุล่วงไปก็ตาม เรื่องนี้เป็นเรื่องหัวเลี้ยวหัวต่อ  ผู้ที่เป็นตัวแทนไปดำเนินการจะต้องระมัดระวัง  เราจะไม่พูดถึงกิจการที่ประสลความสำเร็จ  แต่หากกิจการไม่ประสบความสำเร็จ   การเริ่มต้นกิจการมักเป็นประเด็นที่จะก่อให้เกิดความร้าวฉานกันได้ดีทีเดียวในหมู่นักลงทุนด้วยกัน  แทนการคิดว่าจะแก้ปัญหาอย่างไรกลับไปเสียเวลากันการโต้เถียงลงเอยมักจะต่างคนต่างเดิน   ท่านระมัดระวังไว้ให้มากเห็นมานักต่อนักแล้ว  ซึ่งความเป็นจริงเมื่อกิจการนี้ไม่ดีก็เลิกเสียแล้วหันมาทำกิจการอื่นๆที่ดีกว่า  ความสัมพันธ์ของท่านก็ยังเหมือนเดิมแม้นจะไม่ประสบความสำเร็จใช่หรือไม่ครับท่านผู้ลงทุนทั้งหลาย

เอาล่ะครับ  สำหรับวันนี้คงจะพอเท่านี้ก่อน  คงจะได้พบกันอีกในฉบับต่อไป ซึ่งผมจะต่อเรื่องการบริหารงานและภาษี  ขอบคุณมากครับ

ทนายอำพล  รัตนมูสิก