ภาษีจากการรับมรดกและภาษีการให้ทรัพย์สิน : พรรณี วรวุฒิจงสถิต


             ฉบับนี้ขอหยุดเรื่องงบการเงินและภาษีเงินได้ไว้ชั่วคราว  เนื่องจากขณะนี้มีกฎหมายสองฉบับได้ประกาศใช้แล้ว ได้แก่พระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก พ,ศ.2558  และพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 40) พ.ศ.2558  เกี่ยวกับการให้ทรัพย์สิน  ทั้งสองฉบับได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2558 มีผลบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนด 180 วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป  ดังนั้นจะขอสรุปสาระสำคัญที่ควรรู้ดังนี้

             พรบ.  การรับมรดกจะใช้เก็บภาษีจากผู้ที่ได้รับมรดก ที่มีจำนวนเงินที่ได้รับเกินกว่า 100 ล้านบาทขึ้นไป นั่นคือถ้าได้รับมรดกต่ำกว่าหนึ่งร้อยล้านบาทก็ไม่มีภาระภาษีแต่อย่างใด  สำหรับอัตราภาษีที่ใช้คือร้อยละ 10 ของจำนวนเงินมรดกส่วนที่เกินหนึ่งร้อยล้านบาท แต่ถ้าผู้รับมรดกเป็นบุพการี หรือผู้สืบสันดาน อัตราจะลดลงเป็นร้อยละ 5

            พรบ.การรับมรดกนี้ไม่ใช้บังคับกรณีเจ้ามรดกตายก่อนกฎหมายบังคับใช้และไม่ใช้กับมรดกที่คู่สมรสของเจ้าของมรดกได้รับจากเจ้าของมรดก รวมถึงกรณีเจ้ามรดกแสดงเจตนาว่าให้ใช้มรดกเพื่อการกุศลสาธารณะซึ่งจะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด    สำหรับบุคคลที่ได้รับมรดกและเข้าข่ายต้องเสียภาษีจากการรับมรดกได้แก่ คนที่มีสัญชาติไทย คนต่างด้าวที่อยู่ในไทย และคนที่ไม่มีสัญชาติไทยแต่ได้รับมรดกเป็นทรัพย์สินที่อยู่ในประเทศไทย และรวมไปถึงนิติบุคคลที่จดทะเบียนในไทยหรือมีสัญชาติไทย  การนับจำนวนเงินที่ได้รับให้นับจากการรับมรดกหลายๆรายรวมกัน ไม่ว่าจะรับครั้งเดียว หรือหลายครั้ง ถ้าได้รับมรดกมาจากเจ้ามรดกแต่ละรายรวมกันเกินหนึ่งร้อยล้านบาท    โดยผู้ที่ได้รับมรดกต้องยื่นแบบชำระภาษี (ตามแบบที่อธิบดีกำหนด)  ภายในหนึ่งร้อยห้าสิบวันนับแต่วันที่ได้รับมรดก    

 

ทรัพย์สินมรดกที่ต้องเสียภาษี  ฐานภาษี  สรุปได้ดังนี้         

  ทรัพย์สินที่เป็นมรดกที่ต้องเสียภาษี

การวัดมูลค่าทรัพย์สิน

1 อสังหาริมทรัพย์

ให้ถือเอาราคาประเมินทุนทรัพย์ที่กรมที่ดินใช้จดทะเบียน หักด้วยภาระรอนสิทธิ  และให้เสียภาษีจากทรัพย์สินทั้งที่อยู่ในประเทศและนอกประเทศไทย  

2 หลักทรัพย์ตามกฎหมายตลาดหลักทรัพย์

ให้ถือเอาราคาของหลักทรัพย์ในเวลาสิ้นสุดเวลาทำการของตลาดหลักทรัพย์ในวันที่ได้รับมรดก  และให้เสียภาษีจากทรัพย์สินทั้งที่อยู่ในประเทศและนอกประเทศไทย

3 เงินฝากหรือเงินอื่นใดที่มีลักษณะอย่างเดียวกันที่เจ้ามรดกมีสิทธิถอนคืนหรือเรียกร้องจากสถาบันการเงินหรือบุคคลที่ได้รับเงินนั้นไว้

ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในกฎกระทรวง   และให้เสียภาษีจากทรัพย์สินเฉพาะที่อยู่ในประเทศไทย

4  ยานพาหนะที่มีหลักฐานทางทะเบียน

ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในกฎกระทรวง

5  ทรัพย์สินทางการเงินที่จะกำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา

 

 

ทรัพย์สินใดให้เป็นทรัพย์สินที่อยู่ในประเทศไทยให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

 

            ส่วน พรบ.  การให้ทรัพย์สิน   สรุปได้ดังนี้

            1   ยกเว้นเงินได้ที่ได้รับจากการรับมรดก

            2   เงินได้จากการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์โดยไม่มีค่าตอบแทนให้กับบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายซึ่งไม่รวมบุตรบุญธรรม  ยกเว้นให้เฉพาะเงินได้ในส่วนที่ไม่เกินยี่สิบล้านบาทตลอดปีภาษีนั้น    ส่วนเกินต้องเสียภาษีในอัตราร้อยละ 5

            3   เงินได้ที่ได้รับจากการอุปการะ หรือให้โดยเสน่หา ที่ได้รับจากบุพการี  ผู้สืบสันดาน หรือคู่สมรส ยกเว้นให้เฉพาะเงินได้ในส่วนที่ไม่เกินยี่สิบล้านบาทตลอดปีภาษีนั้น   ส่วนเกินต้องเสียภาษีในอัตราร้อยละ 5

             4   เงินได้ที่ได้รับจากการอุปการะโดยหน้าที่ธรรมจรรยา หรือให้โดยเสน่หาเนื่องในพิธีหรือตามโอกาสแห่งขนบธรรมเนียมประเพณี ที่ได้รับจากบุคคลที่ไม่ใช่บุพการี  ผู้สืบสันดาน หรือคู่สมรส ยกเว้นให้เฉพาะเงินได้ในส่วนที่ไม่เกินสิบล้านบาทตลอดปีภาษีนั้น  ส่วนเกินต้องเสียภาษีในอัตราร้อยละ 5

             5  เงินได้ที่ได้รับจากการให้โดยเสน่หาที่ผู้ให้แสดงเจตนาหรือเห็นได้ว่ามีความประสงค์ให้ใช้เพือ่ประโยชน์ในกิจการศาสนา กิจการศึกษา หรือกิจการสาธารณประโยชน์ ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดโดยกฎกระทรวง

             ผู้มีเงินได้สามารถเลือกเสียภาษีร้อยละ  5  โดยสิ้นปีไม่ต้องนำไปรวมคำนวณกับเงินได้อย่างอื่นก็ได้  สำหรับเนื้อหาพระราชบัญญัติทั้งสองฉบับนั้นสามารถหาอ่านได้ในเว็บไซต์กรมสรรพากร ที่ www.rd.go.th ในหัวข้อกฎหมายออกใหม่