บัญชีดำของสหรัฐฯ ไม่ได้ส่งผลต่อหัวเว่ยมากนัก


บัญชีดำ (Entity List) ของสหรัฐอเมริกาไม่ได้ส่งผลกระทบต่อหัวเว่ยมากเท่าใดนัก อุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงส่วนใหญ่ของหัวเว่ยไม่ได้ใช้ชิ้นส่วนของสหรัฐฯ เลย แต่กลับมีประสิทธิภาพยิ่งกว่าเคย

เมื่อวันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม 2562 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ประกาศขยายใบอนุญาตทางการค้าเพื่อให้หัวเว่ยสามารถซื้อผลิตภัณฑ์และบริการจากบริษัทอเมริกัน และให้บริการแก่ลูกค้าที่มีอยู่ได้ต่อไป

หัวเว่ยตอบกลับว่าการตัดสินใจดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อธุรกิจของบริษัท และหัวเว่ยจะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และจะมอบบริการที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าทั่วโลกต่อไป

ก่อนอื่นเลย โปรดรับทราบไว้ด้วยว่า การรวมพวกเราเข้าไว้ในรายชื่อ Entity List นั้นไม่ยุติธรรมเลย หัวเว่ยไม่ได้ทำอะไรผิด แต่กลับต้องไปอยู่ในรายชื่อดังกล่าว

อุปกรณ์ที่ทันสมัยส่วนใหญ่ของเราไม่ได้ใช้ชิ้นส่วนของสหรัฐฯ เลย แม้ว่าในอดีตเราจะใช้ชิ้นส่วนของพวกเขาก็ตาม อุปกรณ์เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดของเรายังมีประสิทธิภาพในการทำงานมากกว่าเมื่อก่อนถึง 30% อีกด้วย”

ในปีนี้ เราจะผลิตสถานีฐาน 5G ได้ 600,000 ชุด และอย่างน้อย 1.5 ล้านชุดในปีหน้า นั่นหมายถึงว่า เราไม่ต้องพึ่งพาบริษัทอเมริกันเพื่อความอยู่รอดของเราในด้านนี้เลย

อย่างไรก็ตามที เราก็จะยังอ้าแขนต้อนรับบริษัทอเมริกันอยู่เสมอ ตราบเท่าที่พวกเขายังสามารถจัดหาผลิตภัณฑ์ให้เราได้ เราก็จะยังซื้อชิ้นส่วนจากพวกเขาในปริมาณมากๆ ต่อไป เราเชื่อว่าโลกาภิวัตน์นั้นจะสร้างประโยชน์ให้แก่ทุกคน เราจึงจะไม่เลือกปิดประตูใส่ใคร แม้ว่าเราจะสามารถผลิตชิ้นส่วนบางอย่างได้ด้วยตัวเองก็ตาม

บริษัทอเมริกันบางแห่งได้เริ่มกลับมาขายชิ้นส่วนให้แก่หัวเว่ยแล้วและปริมาณการสั่งซื้อจากหัวเว่ยไม่เคยลดน้อยลงเลย หากไม่มีทรัมป์คอยโปรโมตให้ ผู้คนมากมายทั่วโลกคงไม่ได้ทราบว่าผลิตภัณฑ์ของหัวเว่ยนั้นมีความล้ำสมัยมากเพียงใด ทรัมป์นี่แหละเป็นคนที่ช่วยเพิ่มโอกาสทางการตลาดให้เรา

จากสถิติของบริษัทในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา หัวเว่ยมีผู้ให้บริการเครือข่ายมาเยี่ยมชมโรงงานเพิ่มขึ้นถึง 49% พวกเขาต้องการมาตรวจดูว่าเราจะยังจัดหาผลิตภัณฑ์ให้พวกเขาได้ และเมื่อได้ทราบว่าผลิตภัณฑ์ของเราไม่จำเป็นต้องใช้ชิ้นส่วนจากสหรัฐฯ พวกเขาก็ยิ่งมั่นใจและสั่งออเดอร์จำนวนมาก

ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2562 รายได้ของหัวเว่ยพุ่งสูงถึง 401,300 ล้านหยวน ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้น 23.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน บริษัทของเราไม่ได้ต้องการสิ่งใดนอกไปจากการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ดีกว่าและทำงานของเราให้สำเร็จลุล่วง เรามีเพียงเป้าหมายเดียวและจดจ่ออยู่กับเป้าหมายนี้มาโดยตลอด เราเชื่อว่าการลงทุนลงแรงในด้านหนึ่งเป็นเวลาหลายทศวรรษจะทำให้เราก้าวขึ้นเป็นผู้นำได้ในที่สุด