ดันสักยันต์-ศาลพระภูมิ เป็นสินค้าส่งออก ชี้ไทยมีอาจารย์ดัง – ทั่วโลกแห่ใช้บริการ
น.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าเตรียมหารือกับธุรกิจที่เกี่ยวกับด้านความเชื่อและภาคบริการ เช่น ธุรกิจในการทำศาลพระภูมิ สักยันต์ โหราศาสตร์ หรือหมอดู การจัดทำงานเวดดิ้ง การแต่งงาน เป็นต้น เพื่อร่วมกันจัดทำแผนส่งออกสินค้าและบริการในตลาดโลกมากขึ้นหลังจากสินค้าและบริการดังกล่าวของไทยได้รับความสนใจจากต่างประเทศอย่างมาก โดยเฉพาะสักยันต์ที่ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวต่างชาติรวมถึงดาราฮอลลิวูด เข้ามาใช้บริการในประเทศไทยจนสร้างความฮือฮาไปทั่วโลก เนื่องจากประเทศไทยมีอาจารย์ที่โด่งดังด้านดังกล่าวหลายราย แม้ว่าตอนนี้สินค้าที่เกี่ยวข้องกับการสักยันต์ จะมีการส่งออกไม่มากแต่ที่จะช่วยสร้างรายได้แก่ประเทศไทยในด้านอื่นๆที่เกี่ยวข้องตามมาอีกมาก เช่นเรื่องของรายได้จากการบริการและการสักยันต์การสร้างชื่อประเทศไทยการเข้ามาใช้จ่ายด้านอื่นๆ และการท่องเที่ยว เป็นต้นส่วนการส่งออกนั้นก็คงต้องผลักดันสินค้าที่เกี่ยวข้องต่อไปซึ่งเชื่อว่าในอนาคตจะช่วยสร้างมูลค่าได้อีกมาก ขณะที่ศาลพระภูมิที่ปัจจุบันไทยนั้นพบว่าปัจจุบันมีการส่งออกไปประเทศเพื่อนบ้านจำนวนมากและในอนาคตจะทำแผนส่งออกไปตลาดจีนมากขึ้นเพราะเป็นตลาดที่ใหญ่และมีประชาชนจำนวนมาก มีการตั้งศาลพระภูมิหรือเรียกว่าศาลเจ้าที่จีนตามบ้านเรือน ทั้งในส่วนของประชาชนทั่วไป, บ้านเศรษฐี และบริษัทต่างๆ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีด้านโหราศาสตร์ที่ค่อนข้างได้รับความนิยมจากคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งจำเป็นต้องมีการผลักดันให้เป็นสินค้าบริการส่งออกเช่นกัน น.ส.บรรจงจิตต์ เผยด้วยว่า คนไทยมีฝีมือในการผลิตศาลพระภูมิหรือศาลเจ้าที่จีน “ตี่จู้เอี้ย”ในอันดับต้นๆ ของโลกและในระยะหลังเริ่มเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญในหลายๆ ประเทศ โดยเฉพาะเพื่อนบ้าน ดังนั้นกรมฯ จะผลักดันในการส่งออกสินค้าดังกล่าวไปตลาดจีนมากขึ้น ซึ่งศาลเจ้าที่จีนถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่คนจีนให้ความนับถือและนิยมกราบไหว้กันมานานแล้ว เพราะสามารถอำนวยโชคลาภนำความเป็นสุขเป็นสุขมาให้กับบ้านช่องและผู้อาศัยรวมถึงการทำการค้าต่างๆ ด้วย



จากบ้านไม้ทรงไทย ภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ ที่ออกแบบมาเพื่อให้เหมาะกับการใช้ชีวิตคนไทย สู่การเปลี่ยนแปลงเป็นครึ่งไม้ครึ่งปูน จนเป็นปูนทั้งหลัง มีการใช้เทคโนโลยีมาช่วยออกแบบโครงสร้าง รวมถึงวัสดุที่ใช้ก็เปลี่ยนตามไปด้วย อาจารย์มาโนช ประภาษานนท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านศาสตร์ฮวงจุ้ย ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างบ้านสมัยใหม่ มีใจความว่า….
ถ้าพูดกันถึงหลักฮวงจุ้ยแล้ว บ้านทรงไทยถือได้ว่ามีความเหมาะสมกับประเทศไทยมากที่สุด เนื่องจากเมืองไทยเป็นเมืองร้อน และเกิดอุทกภัยขึ้นบ่อย ด้วยลักษณะของบ้านทรงไทยที่มีใต้ถุนสูง แต่ด้วยวิถีของคนไทยที่เปลี่ยนไป ทำให้ลักษณะบ้านถูกปรับเปลี่ยนตามยุคสมัย จากไม้ทั้งหลังเป็นครึ่งไม้ครึ่งปูน จนสุดท้ายเป็นปูนทั้งหลัง
โดยหลักฮวงจุ้ยยุคใหม่นี้ในการดูลักษณะของบ้านจะเน้นดูในเรื่องของพลังงานแม่เหล็ก คลื่นไฟฟ้า ซึ่งมีผลกับคนในบ้าน โดยโครงสร้างที่เป็นบ้านปูนนั้นจะมีเหล็กอยู่ข้างใน และเมื่อเราเปิดไฟในบ้านกระแสไฟจะวิ่งผ่านเหล็กเข้าคานเข้าเสาทุกต้น ซึ่งหลายๆคนมองข้ามตรงนี้ แต่ที่จริงแล้วส่งผลกับผู้อยู่อาศัยในเรื่องของสุขภาพ วิธีแก้ที่สามารถสลัดคลื่นแม่เหล็กออกจากตัวนั่นก็คือ การออกกำลังกาย แต่หากเราอยู่นิ่งๆก็จะทำให้คลื่นแม่เหล็กเหล่านี้เข้าไปสะสมในร่างกาย นอกจากนี้ในเรื่องของโครงสร้างบ้านจำเป็นที่จะต้องแข็งแรง และสภาพแวดล้อมรอบบ้านควรเป็นสภาพแวดล้อมที่ดี มีต้นไม้ร่มรื่น เป็นต้น