เบรก กรุงเทพคริสเตียน สั่งทบทวนให้ดี


นายชลำ อรรถธรรม เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) เปิดเผยว่า ตามที่โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ร่วมกับสภานักเรียนมัธยมศึกษาทดลองให้นักเรียนมัธยมเลือกใส่เครื่องแต่งกายไปรเวทด้วยตนเองสัปดาห์ละ 1 วัน ในวันอังคารเป็นเวลา 1 เทอม ว่า ขณะนี้ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ได้มีหนังสือแจ้งไปยังโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ขอให้โรงเรียนทบทวนเรื่องดังกล่าวว่ามีความเหมาะสมหรือไม่เพียงใด

ถึงแม้โรงเรียนได้ชี้แจงว่าเป็นการทดลองทำวิจัยเรื่องการแต่งเครื่องแบบนักเรียน แต่ สช.ก็ห่วงใยเรื่องความมีระเบียบ วินัย เรียบร้อย ผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง การดูแลเด็กของครู บริบทของสังคมไทย และปัญหาสังคมที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งโรงเรียนต้องคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้และดูความเหมาะสมด้วย

“ทางโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน จะต้องไปหารือกับคณะกรรมการสถานศึกษาและแจ้งผลการหารือกลับมาที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เพราะการแต่งกายของนักเรียนโรงเรียนเอกชน ก็ยังมีระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียน พ.ศ.2551 กำกับไว้”

ด้านอาจารย์ดารณี อุทัยรัตนกิจ รองประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า มันก็มีบริบทต่างๆ ที่จะต้องพิจารณา ในกรณีโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนนั้น อาจจะไม่มีความเลื่อมล้ำมากนัก แต่ในขณะเดียวกันหากเปลี่ยนเป็นโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา หรือแม้แต่โรงเรียนทั่วไป ยังไม่ก้าวไปถึงขั้นนั้น ด้วยเหตุผลที่ในโรงเรียนยังมีเด็กนักเรียนที่ฐานะทางเศรษฐกิจและสังคมต่างกันสูง เป็นสิ่งที่เรามีความกังวล มันก็จะเป็นการสร้างความเลื่อมล้ำพอสมควร แต่โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนมีฐานะเศรษฐกิจที่ใกล้เคียงกัน และไม่รับการอุดหนุนจากภาครัฐ สนับสนุนตัวเอง 100 % ทั้งนี้อาจารย์ ยังสะท้อนต่อไปอีกว่า อย่างไรเสียก็ต้องมีชุดนักเรียน เพื่อเป็นการสะท้อนความมีระเบียบวินัย ส่วนในชั้นอุดมศึกษาก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ฝั่งของผู้ปกครองท่านหนึ่งที่ส่งลูกเรียนในรร.ชื่อดัง ดังกล่าวให้ความเห็นกับ Smart SME ว่า 

“ในฐานะแม่ มองว่าไม่มีปัญหาอะไรใน​เรื่องการแต่งกาย ใส่ไปรเวทหรือเครื่องแบบโรงเรียน​ เพราะจริงๆ​ แล้วก็แค่วันเดียวในหนึ่งอาทิตย์ ในมุมหนึ่งหากให้เด็กเค้าได้ฟรีสไตล์ดู ก็​ไม่เสียหายอะไร​ โรงเรียนเองก็มีข้อจำกัดชัดเจนว่าแต่งได้แค่ไหน เรื่องประเด็นที่เด็กจะแต่งตัวประชันกัน​ หรือสร้างความเหลื่อมล้ำ​ มันอยู่ที่ผู้ปกครองต้องสอนให้เค้าเข้าใจมากกว่า​ คือการบอกลูกว่าให้รู้จักพอใจในสิ่งที่ตัวเองมี​”

อย่างไรก็ตาม เบื้องต้น สช.ได้สอบถามเรื่องดังกล่าวพบว่าทีมผู้บริหารและครูได้หารือกันว่าต้องการทำวิจัยเรื่องการแต่งเครื่องแบบนักเรียน 6 สัปดาห์ ขณะนี้อยู่ในระหว่างการวิจัยจะส่งผลกระทบอะไรบ้าง อีกทั้งด้่นของกระทรวงศึกษาธิการ ถ้ามีผลกระทบ อาจจะต้องทบทวน ซึ่งหากโรงเรียนเอกชนอื่นอยากจะทำบ้างก็ควรคิดให้ดีว่าทำแล้วจะส่งผลกระทบอะไรบ้าง