“บีทีเอส” แจงยิบ หลังโดนทัวร์ลงยับกรณีไม่อนุญาต รับ- ส่งของข้ามเขตจ่ายเงิน ยกระเบียบตั้งแต่ปี 42 เหตุกีดขวางผู้โดยสารคนอื่นและป้องกันอันตราย พร้อมเปิดขอยกเว้น ยอมรับคำติชม
จากกรณี เพจเฟซบุ๊ก รถไฟฟ้าบีทีเอส โพสต์แจ้งผู้ใช้บริการ ว่า รถไฟฟ้าบีทีเอส ไม่อนุญาตให้มีการ รับ-ส่ง ของข้ามเขตชำระเงิน หากไม่ชำระเงินแตะบัตรโดยสารเข้ามาด้านใน จะรับ – ส่งสิ่งของใดๆจากผู้อื่น ซึ่งอยู่ภายนอกเขตชำระเงินไม่ได้ แนะนำหากจะรับส่งของให้ซื้อบัตรโดยสารราคาต่ำสุดผ่านระบบเข้าไปรับส่งของกัน กลายประเด็นถูกชาวโซเชียลวิจารณ์อย่างหนัก
โดยมีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นหลากหลาย ส่วนมากไม่พอใจการออกกฎของรถไฟฟ้าบีทีเอสในครั้งนี้
โดยมีการตั้งคำถาม อาทิ “หากข้อบังคับนี้มาจากเหตุกีดขวางทางจราจร หรือเสี่ยงต่อการส่งวัตถุอันตรายเข้าระบบขนส่งมวลชนตามที่บีทีเอสได้ให้เหตุผลไว้จริง การบังคับให้ชำระเงินค่าตั๋วโดยสารก่อนเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดแล้วจริงหรือไม่”
“การออกประกาศของรถไฟฟ้าบีทีเอส ไม่มีเหตุผลเพียงพอ เนื่องจากการส่งของโดยปกติไม่ได้ทำบริเวณประตูเข้า-ออก แต่เป็นบริเวณราวกั้น ทั้งยังใช้เวลาสั้นๆ เท่านั้น ไม่น่าจะเป็นการกีดขวางทางเดิน”
“แนะนำให้ทางรถไฟฟ้าจัดจุดอำนวยความสะดวกในการส่งของแทน หากใช้กฎนี้เป็นช่องทางเก็บเงินผู้ใช้บริการเพิ่มจะถือว่าเอารัดเอาเปรียบผู้ใช้บริการเกินไปหรือไม่”
ขณะเดียวกันก็มีที่มีชาวโซเชียลบางส่วนเห็นต่างมุม มองว่า พฤติกรรมดังกล่าวเป็นการทำให้รถไฟฟ้าเสียพื้นที่การให้บริการ แต่รถไฟฟ้าไม่ได้รับเงินตามระยะทางที่ผู้โดยสารนั่งเพื่อไปส่งของ ซึ่งไม่เป็นธรรมต่อบริษัทรถไฟฟ้า
ล่าสุด บีทีเอส ออกมาชี้แจงประเด็นร้อนดังกล่าวโดยแจงว่า บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส ขอแจ้งว่า สืบเนื่องจาก กรณีเพจรถไฟฟ้าบีทีเอสมีการเผยแพร่ ข้อความเรื่อง “การไม่อนุญาต ให้มีการรับ-ส่งของข้ามเขตชำระเงิน (Gate) ส่งผลให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียลกันอย่างกว้างขวางนั้น
“เนื่องจากรถไฟฟ้าบีทีเอส เป็นระบบขนส่งสาธารณะ ที่มีผู้โดยสารใช้บริการจำนวนมาก และมีพื้นที่บริเวณสถานีจำกัด ทั้งนี้เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของส่วนรวม และเป็นการป้องกันเหตุอันเกิดจากการส่งวัตถุต้องห้ามที่อาจก่อให้เกิดอันตรายในระบบรถไฟฟ้า”
“และผู้โดยสารที่เข้ามาใช้บริการตามข้อบังคับระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร โดยความเห็นชอบของกรุงเทพมหานคร และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2542 ระบุว่า ข้อ 45 ห้ามบุคคลใดส่งสิ่งของ หรือสินค้า ผ่านเข้าออกระหว่างเขตชำระเงิน กับเขตไม่ได้ชำระเงิน ไม่ว่าจะเป็นการส่งสิ่งของ หรือสินค้า ผ่านข้ามประตูกั้นหรือผ่านช่องใดๆ โดยที่ผู้ส่งสิ่งของอยู่ในเขตชำระเงิน หรือเขตไม่ได้ชำระเงิน และส่งสิ่งของหรือสินค้าให้แก่ผู้รับ ซึ่งอยู่ในเขตตรงข้าม โดยไม่ได้เดินผ่านประตูที่กั้นระหว่างเขตชำระเงิน กับเขตไม่ได้ชำระเงิน ทั้งนี้ ยกเว้น กรณีที่บุคคล เป็นผู้ถือสิ่งของ หรือสินค้า เดินผ่านเข้าออกประตูที่กั้นระหว่างเขตทั้งสองดังกล่าว ด้วยตนเอง”
ทั้งนี้การเดินผ่านเข้าออกประตูอัตโนมัติ จะทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสังเกตได้ชัดเจน อย่างไรก็ตามแนวทางการปฏิบัติจริงนั้น ได้ดำเนินการให้สอดคล้องกับการใช้บริการของผู้โดยสาร เพื่อให้เกิดความสะดวกพร้อมกับการให้บริการที่ปลอดภัยควบคู่กัน
บีทีเอสขออภัยในความไม่สะดวกที่เกิดขึ้น พร้อมขอน้อมรับทุกความคิดเห็น คำติชม และจะรวบรวมทุกความเห็น ไปปรับใช้ในการให้บริการต่อไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป มีการแชร์กว่า 20,000 ครั้ง มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นมากกว่า 17,000 คน อาทิ “อยากให้บีทีเอสจัดระเบียบอำนวยความสะดวกให้คนที่ต้องส่งของแบบนี้ไม่ดีกว่าเหรอ” บางคนก็ตัดพ้อว่า “บีทีเอส ไม่มีน้ำใจให้คนทำมาหากิน” หรือบางคนแนะนำ “จัดให้มีจุดนัดรับแบบชัดเจนไปเลย”
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันรถไฟฟ้าบีทีเอส มีค่าโดยสารต่ำสุดต่อที่ 16 บาท สูงสุดที่ 59 บาท คิดตามระยะทาง หากอนาคตมีการปรับค่าโดยสารขึ้นเป็น 104 บาทตามแผนเดิมที่เคยออกประกาศไว้ มีผลวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2564 แต่เลื่อนการขึ้นค่าโดยสารออกไป จากสถานการณ์โควิด-19 เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายประชาชน โดยปรับค่าโดยสารสูงสุดเป็น 104 บาท ที่ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต
ทำให้ผู้โดยสารที่จะใช้บริการรถไฟฟ้าเพื่อนัดรับ-ส่งของจะมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นมาก จากกฎห้ามรับ-ส่งของข้ามเขตชำระเงินตามที่ได้มีการประกาศออกมา เนื่องจากการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอส สามารถเชื่อมต่อสถานที่สำคัญในกรุงเทพฯ และปริมณฑลได้ในระยะเวลาที่รวดเร็วและสะดวกที่สุดในขณะนี้