การสร้างมูลค่าให้กับแบรนด์ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากของบริษัท แต่อีกด้านหนึ่งมูลค่าของแบรนด์สะท้อนให้เห็นถึงการรับรู้ของผู้บริโภคที่มีต่อสินค้า
สำหรับในปี 2020 หลายบริษัทต่างได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่สร้างความเสียหายเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ก็มีบางบริษัทที่พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสมีมูลค่าแบรนด์เพิ่มขึ้นด้วยการใช้กลยุทธ์เป็นมิตรกับลูกค้า โดยข้อมูลจาก Visual Capitalist เผย 10 แบรนด์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกประจำปี 2020 ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
อันดับ 10 Disney 41,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
Disney เป็นบริษัทสื่อ และความบันเทิงของสหรัฐฯ โดยในปี 2020 มูลค่าของธุรกิจลดลง 8% ซึ่งเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้สวนสนุกที่ตั้งอยู่ตามประเทศต่าง ๆ ต้องปิดให้บริการชั่วคราวตามมาตรการป้องกัน
สำหรับ Disney มีธุรกิจที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น สวนสนุก, สตูดิโอ และสื่อต่าง ๆ โดยบริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 358.53 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
อันดับ 9 McDonald’s 43,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
McDonald’s แบรนด์ธุรกิจอาหารฟาสต์ฟู้ด มีมูลค่าธุรกิจลดลง 6% ในปีที่ผ่านมา โดยบริษัทยังคงดำเนินธุรกิจร้านอาหาร และแฟรนไชส์ ทั้งในสหรัฐฯ และต่างประเทศที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปดำเนินการ
สำหรับ McDonald’s มีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 159.01 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
อันดับ 8 Mercedes 49,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
บริษัทผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเยอรมนีมีมูลค่าการตลาดลดลง 3% เมื่อปีที่ผ่านมา โดย Mercedes เป็นแบรนด์รถยนต์ที่ให้ความหรูหรากับผู้ใช้ ซึ่งเน้นประชาสัมพันธ์ด้วยการเป็นสปอนเซอร์งานอีเวนท์ที่มีผู้คนจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น กอล์ฟ, เทนนิส และงานแฟชั่นวีคที่นิวยอร์ก
ทั้งนี้ Mercedes มีตลาดใหญ่อยู่ที่จีน ตามมาด้วยสหรัฐฯ
อันดับ 7 Toyota 52,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
Toyota หนึ่งในแบรนด์ผู้ผลิต และจำหน่ายรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น มีมูลค่าทางการตลาดลดลง 8% ในปี 2020 โดยบริษัทดำเนินงานผ่าน 3 สายงานสำคัญ ได้แก่ ยานยนต์, บริการทางด้านการเงิน และอื่น ๆ
สำหรับ Toyota มีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 173,3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีสำนักงานใหญ่อยู่ในประเทศญี่ปุ่น
อันดับ 6 Coca-Cola 57,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
Coca-Cola บริษัทเครื่องดื่มจากสหรัฐฯ มีมูลค่าลดลง 10% ในปีที่ผ่านมา โดยธุรกิจจะมุ่งเน้นไปที่เครื่องดื่มที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ไม่ว่าจะเป็น น้ำอัดลม, น้ำดื่ม, เครื่องดื่มสำหรับนักกีฬา, น้ำผลไม้ และอื่น ๆ ไม่เพียงเท่านั้น Coca-Cola ยังเป็นเจ้าของแบรนด์ยอดนิยมที่ผู้บริโภคให้การตอบรับเป็นอย่างดี เช่น Coca-Cola, Diet Coke, Fanta, Sprite และ Minute Maid
ทั้งนี้ Coca-Cola มีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 218.15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
อันดับ 5 Samsung 62,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
Samsung คือบริษัทที่ไม่ได้มาจากสหรัฐฯ เข้ามาติด 5 อันดับแรก โดยบริษัทเทคโนโลยีจากเกาหลีใต้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น 2% ในปีที่ผ่านมา สำหรับ Samsung เป็นผู้ผลิต และจำหน่ายชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งดำเนินงานผ่าน 3 สายงานที่สำคัญ ได้แก่ อุปกรณ์ Solution, อุปกรณ์สื่อสาร และเครื่องใช้ไฟฟ้า
ทั้งนี้ Samsung มีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 278.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ซูวอน ประเทศเกาหลีใต้
อันดับ 4 Google 165,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
Google บริษัทเทคโนโลยียอดนิยมในสหรัฐฯ มีมูลค่าลดลง 1% ในปี 2020 โดยยักษ์ใหญ่ด้านการค้นหาให้บริการมากมายกับผู้ใช้ องค์กร และผู้ลงโฆษณา สำหรับ Google ดำเนินธุรกิจช่วยค้นหาข้อมูล, ทำระบบปฏิบัติการ, โฆษณา, แพลตฟอร์ม และผลิตภัณฑ์/ฮาร์ดแวร์กับองค์กร
โดย Google มีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 1.41 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
อันดับ 3 Microsoft 160,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
Microsoft บริษัทเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ มีมูลค่าแบรนด์เพิ่มขึ้น 53% ในปี 2020 โดย Microsoft ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับพัฒนา/เสนอซอฟท์แวร์, บริการโซลูชัน ผ่าน 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ 1. ระบบคลาวด์ 2.กระบวนการทางธุรกิจ และ 3.คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล
ทั้งนี้ Microsoft มีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 1.77 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
อันดับ 2 Amazon 201,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
Amazon คือหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยียอดนิยม โดยมูลค่าแบรนด์เติบโต 60% ในปีที่ผ่านมา และมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 1.59 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซระดับโลกมีบริการที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น เว็บไซต์ Amazon, บริการสตรีมมิ่ง ตลอดจนผลิตภัณฑ์ด้านฮาร์ดแวร์
ทั้งนี้ Amazon ก่อตั้งโดย Jeft Bezos ในปี 1994 และมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ Seattle ประเทศสหรัฐฯ
อันดับ 1 Apple 323,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ไม่มีอะไรต้องแปลกใจ หาก Apple คือบริษัทที่มีมูลมากที่สุดในโลก โดยในปี 2020 มูลค่าแบรนด์ของบริษัทเติบโต 38% ซึ่งบริษัทดำเนินธุรกิจหลายด้านด้วยกัน ทั้งผลิต-จำหน่ายสมาร์ทโฟน, คอมพิวเตอร์, แท็บเล็ต, อุปกรณ์เสริม นอกจากนี้ยังมีบริการอื่น ๆ อีก ไม่ว่าจะเป็น Apple Music และแอปฯ
ทั้งนี้ iPhone คือหนึ่งในผลิตภัณฑ์ยอดนิยมของผู้บริโภคทั่วโลก
ที่มา: entrepreneur
https://www.entrepreneur.com/article/366186