กระทบเหมือนกัน! 7-Eleven ทำกำไรไตรมาสแรก 947 ล้านบาท ลดลง 75%


แม้ว่าจะเป็น 7-Eleven จะเป็นร้านสะดวกซื้อยอดนิยมอันดับหนึ่งของประเทศไทย แต่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อรายได้ และธุรกิจ เช่นกัน

บริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL รายงานผลประกอบการในไตรมาสแรกของปี 2564 พบว่าบริษัท และบริษัทย่อย มีรายได้รวมอยู่ที่ 133,431 ล้านบาท ลดลง 8.5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน ส่วนหนึ่งที่ทำให้รายได้ลดลงมาจากธุรกิจร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-Eleven ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั้งในเรื่องของยอดขาย และกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลงจากเดิม

สำหรับในไตรมาสแรกของปี 2564 ร้าน 7-Eleven มีรายได้จากการขายสินค้า และบริการอยู่ที่ 70,450 ล้านบาท ลดลง 15% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันกับปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 947 ล้านบาท ลดลง 75.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันกับปีก่อน

ด้านสถิติโดยรวมของร้าน 7-Eleven ในไตรมาสนี้ พบว่ามียอดขายเฉลี่ยต่อวันต่อร้านอยู่ที่ 65,024 บาท, ยอดซื้อต่อบิลโดยประมาณ 77 บาท, จำนวนลูกค้าต่อสาขาต่อวันเฉลี่ย 845 คน

วิเคราะห์กันว่าปัจจัยที่ทำให้รายได้ และกำไรของร้าน 7-Eleven ลดลง เป็นผลกระทบเชิงลึกจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่ระลอกแรกเรื่อยมาจนถึงระลอกใหม่ โดยมาตรการควบคุมสถานการณ์ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจลดลง ทำให้การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และการบริโภคภายในประเทศชะลอออกไป รวมถึงพฤติกรรมวิถีชีวิตใหม่ของผู้บริโภคที่ส่งผลเช่นกัน

มองได้ว่า แนวโน้มธุรกิจร้านสะดวกซื้อในปี 2564 ยังคงขึ้นอยู่กับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่รัฐออกมาตรการควบคุม ซึ่งส่งผลต่อเวลาเปิด-ปิดของร้านสะดวก ที่ไม่สามารถเปิดให้บริการได้อย่างเต็มที่เหมือนกับช่วงสถานการณ์ปกติ ตลอดจนความไม่แน่นอนทางด้านเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อผู้บริโภค

ทั้งนี้ ณ ไตรมาสแรกของปี 2564 ร้าน 7-Eleven มีสาขาทั่วประเทศ 12,587 สาขา แบ่งเป็นของบริษัท จำนวน 5,816 สาขา และร้านแฟรนไชส์ จำนวน 6,771 สาขา

ที่มา:

https://www.set.or.th/set/pdfnews.do?newsId=16207755605071&sequence=0