กลยุทธ์ขยายธุรกิจ 96 สาขา HOP Chafe’ แฟรนไชส์ชานมไข่มุกแก้วละ 20 บาท


ร้านอาหารและเครื่องดื่ม เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่คนส่วนใหญ่หันมาลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะแฟรนไชส์ชานมไข่มุก ที่มีผู้คนมากมายสนใจเข้ามาลงทุน ครั้งนี้เราจึงขอนำเสนออีกหนึ่งแฟรนไชส์ที่ลงทุนน้อย คืนทุนเร็ว อย่าง HOP Chafe’ เพราะเป็นแฟรนไชส์ที่ทำเงินง่าย ราคาต่อแก้วเพียง 20 บาท มาพร้อมกลยุทธ์มากมายที่ช่วยส่งต่อความสำเร็จให้ผู้ลงทุนได้มีโอกาสเติบโตไปพร้อมกัน

 

คุณนัท จาตุรนต์ แก้วยศ เจ้าของธุรกิจ HOP Chafe’ (ฮ็อป ชาเฟ) เล่าว่า อดีตตนเองเป็นพนักงานประจำ ต่อมาต้องการมีรายได้เสริมจึงเริ่มมองหาธุรกิจใกล้ ๆ ตัว เลยเลือกชานมไข่มุก เพราะเป็นเครื่องดื่มที่คนส่วนใหญ่กินกันเป็นประจำ สิ่งที่ท้าทาย คือเรื่องการบริหารจัดการ การติดต่อประสานงานกับลูกค้า เนื่องจากทำงานประจำมาโดยตลอด แต่ด้วยประสบการณ์ที่เคยซื้อแฟรนไชส์ จึงนำมาปรับใช้ ทำให้เข้าใจรูปแบบการทำธุรกิจมากขึ้น หลังจากทำธุรกิจนี้เป็นรายได้เสริม ไม่นาน Hop Chafe’ ก็กลายมาเป็นรายได้หลัก เพราะสามารถทำรายได้เดือนละหลักแสนบาท มาถึงวันนี้ก็มีอยู่กว่า 96 สาขาทั่วประเทศ แบ่งเป็นของตนเอง 13 สาขา และของแฟรนไชส์ซี 83 สาขา

ปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างรวดเร็ว มองว่ามาจากการตั้งราคาขายต่อแก้วเพียงแก้วละ 20 บาท โดยราคานี้รวมใส่ไข่มุกแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ประหยัดมากเมื่อเปรียบเทียบกับแฟรนไชส์เจ้าอื่นในท้องตลาด ทั้งราคาแฟรนไชส์ยังเริ่มเพียง 39,000 บาท บวกกับสิ่งที่ผู้ซื้อแฟรนไชส์ได้ไปก็ถือว่าคุ้มค่าเกินราคา และ HOP Chafe’ ยัง เน้นการลงทุนที่ให้ความยืดหยุ่นสูง คือจ่ายครั้งเดียวจบ ไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี ทั้งผู้ลงทุนยังสามารถออกแบบร้านตามสไตล์ที่ตนเองชอบได้

 

จุดเด่นของ HOP Chafe’ คือเรื่องของรสชาติ และเมนูที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเมนูขายดีอย่าง นมสดบราวน์ชูการ์, ชาเขียวบราวน์ชูการ์ และชานมไต้หวันบราวน์ชูการ์ ในราคาเพียงแก้วละ 20 บาท ซึ่งนอกจากจะราคาถูกแล้ว ยังได้รสชาติอร่อย เข้มข้น ไม่แพ้ร้านชาพรีเมียมตามห้างสรรพสินค้า เพราะเราคัดสรรวัตถุดิบมาอย่างดี อย่างชาไต้หวันก็สั่งตรงเข้ามาจากไต้หวัน ทำให้ได้รสชาติสไตล์ต้นตำหรับแท้ ๆ นั่นเพราะเราเข้าใจมุมมองของผู้บริโภคดี แม้ว่าเค้าจะจ่ายในราคาไม่แพง แต่ก็เราต้องส่งมอบสินค้าคุณภาพและรสชาติที่ดี ไม่ใช่ว่าราคาต่อแก้วถูก แล้วทุกอย่างจะลดลงตามราคา

 

สำหรับรูปแบบการลงทุนแฟรนไชส์มีให้เลือกทั้งหมด 3 แพ็คเกจ คือแพ็คเกจเริ่มต้นราคา 39,000 บาท ผู้ลงทุนจะได้รับอุปกรณ์และวัตถุดิบพร้อมขาย ต่อมาคือแพ็คเกจราคา 69,000 บาท ผู้ลงทุนจะได้เคาน์เตอร์เพิ่ม ส่วนแพ็คเกจสุดท้ายราคา 89,000 บาท เป็นรูปแบบซุ้มกาแฟ โดยทั้ง 3 แพ็คเกจ จะได้รับการฝึกอบรมสูตรเครื่องดื่มให้ฟรี นอกจากนี้ แฟรนไชส์ซียังได้เรียนรู้วิธีการจัดการร้านทุกขั้นตอนไม่ว่าจะเป็นการทำสต็อก การสรรหาพนักงาน รวมถึงเรายังคอยให้คำปรึกษาตลอดระยะเวลาของการเป็นพาร์ทเนอร์กัน ผู้ลงทุนสามารถมั่นใจได้ว่าจะมีโอกาสเติบโตไปพร้อมกันอย่างแน่นอน เพราะจากฐานข้อมูลของเรา แต่ละสาขาสามารถทำยอดขายได้ไม่ต่ำกว่า 200 แก้วต่อวัน คิดเป็นกำไร 60% ต่อแก้ว จึงใช้ระยะเวลาคืนทุนเพียง 3 เดือนเท่านั้น

 

เคล็ดลับความสำเร็จของ HOP Chafe’ คือความใส่ใจในแฟรนไชส์ซี เราดูแลลูกค้าทุกคนด้วยตัวของเราเอง เหมือนกับคนในครอบครัว เรามองว่าความสัมพันธ์แบบนี้จะช่วยให้ธุรกิจไปต่อได้ง่าย มีอะไรก็แชร์ประสบการณ์กัน ช่วยเหลือกัน แม้ว่าการเริ่มต้นธุรกิจยุคนี้จะไม่ใช่เรื่องยาก เพราะมีข้อมูลต่าง ๆ ให้เราศึกษาผ่านทางอินเทอร์เน็ต แต่สิ่งสำคัญมากไปกว่านั้น คือความกล้าที่จะเริ่มต้น เพราะหากเราไม่เริ่มลงมือทำ ก็ไม่มีทางมีธุรกิจเป็นของตัวเองได้ อย่าง HOP Chafe’ เราก็เริ่มต้นจากสิ่งที่ชอบ สิ่งที่อยู่ใกล้ตัว ใครที่มีฝันอยากมีธุรกิจ ลองเริ่มต้นจากสิ่งเล็ก ๆ ลงทุนไม่มาก แล้วค่อย ๆ พัฒนาต่อยอดไป

 

 

 

ส่วนใครที่อยากเริ่มต้นธุรกิจ แต่ยังไม่มีเงินทุน หรือใครที่กำลังมองหาแหล่งเงินทุน ตอนนี้ทางธนาคารออมสิน ก็เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง มาเริ่มต้นธุรกิจกับแบรนด์ HOP Chafe’ ได้ โดยสามารถติดต่อขอ “สินเชื่อ สร้างงาน สร้างอาชีพ” ได้ที่ธนาคารออมสินทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ สแกน QR CODE เพื่อลงทะเบียนขอสินเชื่อ พร้อมรับโปรโมชั่นสุดพิเศษ ที่ให้วงเงินกู้สูงสุด 100,000 บาท โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์หรือบุคคลค้ำประกัน ต้องขอขอบคุณ ธนาคารออมสิน ที่สนับสนุนให้คนไทยมีอาชีพ มีรายได้