เปิดมุมมองการบริหารกิจการของทายาทรุ่น 2 แบรนด์ “ขนมทันจิตต์” สานต่อแพชชั่นอันเต็มเปี่ยมจากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูก พร้อมยกระดับสินค้าด้วยแนวคิด BCG
คุณอีฟ อัมภานุช บุพไชย เจ้าของธุรกิจขนมทันจิตต์ เล่าว่า ตนเองเป็นทายาทรุ่น 2 ที่ได้เข้ามาต่อยอดกิจการของครอบครัว ซึ่งทำขนมไทยส่งขายตามร้านขายของฝากทั่วประเทศมาตั้งแต่ ปี 2525 โดยไม่ได้มีแบรนด์เป็นของตัวเอง แต่เป็นลักษณะการรับผลิตแบบ OEM เพื่อให้ร้านค้านำไปติดแบรนด์ของตัวเองได้ อาทิ เผือกกรอบรูปตะแกรง, เผือกกรอบแบบเส้น, ข้าวตังกรอบหน้าพริกเผาหมูหยอง, ข้าวตังกรอบหน้าธัญพืช, ข้าวตังกรอบหน้าเนยสดผสมงาดำ, ทองแผ่นทรงเครื่อง ฯลฯ
การเข้ามารับช่วงต่อธุรกิจนี้มาจากช่วงปี 2563 หลังเรียนจบปริญญาโท และขณะนั้นธุรกิจมากมายต่างเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งธุรกิจของคุณพ่อ-คุณแม่ก็เช่นเดียวกัน ตนเองและพี่น้องคนอื่น ๆ จึงตัดสินใจเข้ามาช่วยหาทางแก้ไขปัญหา โดยเริ่มจากการขายผ่านช่องทางออนไลน์ พร้อมใช้ชื่อของคุณพ่อสร้างแบรนด์ขึ้นมาชื่อว่า “ขนมทันจิตต์” เพื่อเพิ่มมูลค่าให้สินค้าและสร้างการจดจำในแบรนด์
โดยแบรนด์ขนมทันจิตต์ได้พัฒนาเผือกกรอบรูปตะแกรงเป็นสินค้าชนิดแรกออกมาวางขาย 4 รสชาติ ได้แก่ รสดั้งเดิม รสเค็ม รสหวาน และรสบาร์บีคิว การเลือกสินค้าชนิดนี้ เนื่องจากเป็นสินค้าหลักได้รับความนิยมจากลูกค้าเดิมเป็นจำนวนมาก ทั้งยังมีเอกลักษณ์โดดเด่น เป็นการสไลด์เผือกรูปตะแกรงสวยงาม สะท้อนถึงความประณีตและใส่ใจในการผลิต เท็กเจอร์ให้รสสัมผัสการเคี้ยวสนุกเพลิดเพลิน บวกกับเผือกยังอุดมด้วยสารอาหารมากมาย ช่วยการขับถ่าย ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันมะเร็งและลดความเสี่ยงโรคหัวใจ การันตีด้วยมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) มาตรฐาน อย. และรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 สุดยอด GSB Change Maker 2022
หลังกระแสตอบรับทางออนไลน์เติบโตขึ้น ทางแบรนด์จึงได้ออกสินค้าเข้ามาเสริมให้มีความหลากหลาย อาทิ เผือกกรอบแบบเส้น รวมถึงน้ำพริกยัยกบ (มาจากชื่อที่คุณพ่อใช้เรียกคุณแม่ว่า ยัยกบ) ซึ่งเป็นน้ำพริกกรอบโรยข้าวสูตรพิเศษของคุณแม่ มี 4 รสให้เลือกซื้อ ได้แก่ รสหมู ปลา ไก่ กุ้ง โดยสินค้าทั้งหมดมีราคาขายปลีกตั้งแต่ 35-120 บาท สามารถเก็บรักษาได้นาน 6 เดือน และทำรายได้อยู่ที่เดือนละไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท แบ่งเป็นการขายจากช่องทางออนไลน์ 40% และช่องทางออฟไลน์ 60%
พร้อมกันนี้ทางแบรนด์ยังเตรียมออกผลิตภัณฑ์รูปแบบวีแกน เร็วๆนี้ ไม่ว่าจะเป็นเผือกแท่งอบกรอบเคลือบรสกล้วยหอม, เผือกแท่งอบกรอบเคลือบรสอะโวคาโด และขนมต่าง ๆ ที่ไม่ผ่านกระบวนการทอด ไม่มีไขมันทรานซ์ รวมถึงสินค้าที่เชื่อมโยงกับเทรนด์การประกอบธุรกิจที่ยั่งยืน ในรูปแบบ BCG อย่าง เผือกแท่งอบกรอบ จากเนื้อของเผือกที่เหลือทิ้งจากการผลิต และรองเท้าหนังจากเปลือกเผือก หรือ Vegan Leather ที่นำเปลือกเผือกเหลือทิ้งมาพัฒนาเป็นวัสดุหลัก พร้อมร่วมพัฒนาแปลงเพาะปลูกเผือกร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคตอีกด้วย
สิ่งที่ทำให้ธุรกิจอยู่รอดมายาวนานกว่า 40 ปี มองว่ามาจากความใส่ใจในการทำขนม โดยเฉพาะคุณพ่อที่มี Passion ในการทำขนมอย่างประณีตและพิถีพิถันมาก นอกจากนี้การรักษาฐานลูกค้าประจำก็เป็นสิ่งสำคัญ เช่นเดียวกัน เราจึงต้องพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพคงที่อยู่ตลอด ส่วนใครที่สนใจทำธุรกิจขนมแนะนำให้เริ่มจากใจรักและความใส่ใจ รวมถึงการมองหาเพื่อนร่วมทางในการทำธุรกิจ ก็จะช่วยลดความเหนื่อยยากลงไปได้
สำหรับธุรกิจที่ประสบความสำเร็จได้นั้น ส่วนสำคัญมากในทุกก้าวของการเติบโต คือการมีพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจที่ดี ซึ่ง “ขนมทันจิตต์” มีธนาคารออมสินคอยเป็นที่ปรึกษา จากการได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการ GSB Step & Boost up ทำให้สามารถพัฒนาธุรกิจได้ครบทุกมิติและพึ่งพาตนเองได้ เช่น ปัญหาเรื่องอายุการรักษาได้ไม่นาน ออมสินก็แนะนำผู้มีความรู้เฉพาะด้านมาให้คำปรึกษา จนสามารถเก็บรักษาวัตถุดิบได้นานขึ้นถึง 1 ปี นอกจากนี้ ยังได้รับคำแนะนำเรื่องบรรจุภัณฑ์ การสื่อสารกับผู้บริโภค ช่องทางการจำหน่าย และช่วยส่งเสริมเรื่องการตลาด ที่สำคัญยังมี “สินเชื่อธุรกิจและ SMEs” เป็นแหล่งเงินทุนให้ธุรกิจเติบโตและเดินหน้าต่อไปได้
“สินเชื่อธุรกิจและ SMEs” ให้วงเงินกู้ได้รายละเกินกว่า 1,000,000 บาทขึ้นไป ระยะเวลาผ่อนชำระนานสูงสุด 10 ปี ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/3fvJlVT
สนใจธุรกิจ ขนมทันจิตต์ ติดต่อคุณอีฟ อัมภานุช บุพไชย โทร 062 295 6006 อำเภอเมืองนนทบุรี หรือสั่งซื้อออนไลน์ได้ที่ https://shopee.co.th/kanomtanchit