รู้จัก “เบิร์นบุษบา” ร้านอาหารยำเผ็ดไฟแล่บ แซ่บทุกจาน !


วันหยุดสบาย ๆ วันนี้.. แอดฯ เลยถือโอกาสขอพาเพื่อน ๆ มาทำความรู้จักธุรกิจร้านอาหารน้องใหม่ ที่น่าสนใจและกำลังได้รับความนิยมจากกลุ่มผู้บริโภคในเมืองอยู่ในขณะนี้ นั่นคือ Burn Busaba หรือ “เบิร์นบุษบา” เผื่อให้เพื่อน ๆ ลองไปเช็กอินกันได้

 

“เบิร์นบุษบา” คือ แบรนด์ร้านอาหารน้องใหม่ล่าสุดในเครือ Iberry Group โดยเสิร์ฟอาหารไทยแนวอีสานที่เน้นเมนู “ยำไฟแลบ” และ “ย่างไฟลุก” แซ่บสุด ๆ ทุกเมนู

ความน่าสนใจ คือ เปิดให้บริการเพียงไม่กี่ปี (เปิดมาประมาณ 2-3 ปี) แต่ตอนนี้ ได้รับเสียงตอบรับจากผู้บริโภคอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง ! โดยขยายความแซ่บ และสาขารัว ๆ ซึ่ง “เบิร์นบุษบา” สาขาที่เปิดให้เเซ่บแล้วตอนนี้ คือ

• ทองหล่อ (เฉพาะเดลิเวอรี่)
• สยามพารากอน ชั้น G
• ประดิพัทธ์ ซอย 19 (มีที่จอดรถ และเมนูส้มตำให้บริการ)
• นางลิ้นจี่ (มีเมนูส้มตำให้บริการ)
• ซอยราชวินิต บางแก้ว (มีเมนูส้มตำให้บริการ)
• เซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 6 (มีเมนูส้มตำให้บริการ)
• เซ็นทรัล อีสต์วิลล์ ชั้น 1 โซน Outdoor (มีเมนูส้มตำให้บริการ)
• Terminal 21 Asok ชั้น 5 (มีเมนูส้มตำให้บริการ)

โดยก่อนหน้านี้ Smart SME เคยนำเสนอเรื่องราวของแบรนด์ร้านอาหาร “รส’นิยม” (Rosniyom) ธุรกิจหนึ่งในการบริหารของ iberry group (ไอเบอร์รี่ กรุ๊ป) ให้เพื่อน ๆ ได้รู้จักกันไปแล้ว..

แต่อย่างที่หลายคนทราบว่า iberry group ได้ดำเนินธุรกิจและขยายอาณาจักรธุรกิจร้านอาหารออกไปแทบจะทุกประเภท แล้วก็ประสบความสำเร็จในทุก ๆ แบรนด์อีกด้วย ปั้นแบรนด์ให้มีชื่อเสียง โดยแต่ละสาขาลูกค้าเช็กอินแน่นร้าน และแต่ละสาขาในแต่ละแบรนด์ที่เปิดอยู่ก็มียอดขาย(กำไร) เข้าวิน..ไปได้สวยทั้งหมดทั้งสิ้น

ครั้งนี้ แอดฯ จึงพาเพื่อน ๆ มาส่องกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ “เบิร์น บุษบา” รวมไปถึงภาพรวมหลักการบริหารธุรกิจร้านอาหารอย่างไร ? ให้ถูกปากและโดนใจผู้บริโภคในยุคสมัยนี้ ท่ามกลางธุรกิจร้านอาหารที่เปิดมากมายและแข่งขันกันสูงเสียเหลือเกิน

พร้อมกับขอหยิบยกแนวคิดดี ๆ ที่เป็นประโยชน์ของ “คุณปลา – อัจฉรา บุรารักษ์” ผู้ก่อตั้ง iBerry Group และเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนของผู้ก่อตั้ง มาฝากเพื่อน ๆ เผื่อใครที่ทำร้านอาหารอยู่ สามารถนำไอเดียและแนวคิดไปปรับใช้ในธุรกิจของคุณได้เลยจ้า

 

ปูพื้นฐานกันก่อน.. สำหรับธุรกิจร้านอาหารในเครือ iberry group มีหลายคนทราบ.. แล้วก็มีอีกหลายคนยังไม่ทราบ แอดฯ ก็ถือโอกาสบอกตรงนี้ ว่า ที่เรารู้จักคุ้นหน้าคุ้นตากันดี ได้แก่..

• ธุรกิจร้านไอศกรีม Iberry ที่ดำเนินธุรกิจมากว่า 20 ปี
• ร้านอาหารไทยร่วมสมัย แบรนด์ “กับข้าว’กับปลา”
• “รส’นิยม” ร้านอาหาร ร้านก๋วยเตี๋ยว และสตรีทฟู้ด
• “ทองสมิทธ์” แบรนด์ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ
• “โรงสีโภชนา” ร้านอาหารสไตล์เหลา ภัตตาคารอาหารไทย-จีน
• “ฟ้าปลาทาน” ธุรกิจร้านข้าวต้มรสเด็ด
• “ชิ้นโบแดง” (Chin Bo Dang) แบรนด์ร้านหมูกระทะขึ้นห้างฯ
• “เบิร์นบุษบา” ร้านอาหารไทย-อีสาน จุดเด่นเมนูประเภทยำ-ตำ-ทอด

 

ข้อมูลธุรกิจ

ข้อมูล บริษัท ไอเบอร์รี่ โฮมเมด จำกัด
วันที่จดทะเบียนจัดตั้ง : 27 ธ.ค.2542
ทุนจดทะเบียน : 30 ล้านบาท
ผู้บริหาร (CEO) : นายวิวรรธน์ บุรารักษ์ , นางสาวอัจฉรา บุรารักษ์ , นางมลวิษา บุรารักษ์ , นายโรจนินทร์ อรรถยุกติ

ผลประกอบการ

ปี 2563
รายได้ : 819.6 ล้านบาท
กำไร : 29.9 ล้านบาท

ปี 2564
รายได้ : 806.8 ล้านบาท
กำไร : 5.6 ล้านบาท

ปี 2565
รายได้ : 1,435.6 ล้านบาท
กำไร : 276.6 ล้านบาท

 

แนวคิดเนรมิต “เบิร์นบุษบา” ร้านอาหารไทย-อีสาน โดนใจคนเมือง

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า เป็นร้านอาหารไทย-อีสาน ชูจุดเด่นเสิร์ฟเมนูประเภท ยำ ตำ ทอด โดยเมนูยำของร้าน “เบิร์นบุษบา” นั้นมีให้เลือกหลากหลาย ซึ่งลูกค้าสามารถปรับแต่งบอกทางรานได้ว่า จะ ‘ใส่’ หรือ ‘ไม่ใส่’ ปลาร้า

รวมไปถึง ท็อปปิ้งเพิ่มเติมและระดับความเผ็ด ที่มีให้เลือก 4 ระดับได้แก่
– ไม่เผ็ด
– เผ็ดบุษบาเบาพริก 7 เม็ด
– เผ็ดบุษบาเบิร์นพริก 14 เม็ด
– โคตรเผ็ด ! “บุษบาบอมบ์” ใส่พริก 20 เม็ด

ส่วนเมนูอาหารย่าง ก็มีทั้งปลาหมึก เสือร้องไห้ คอหมูย่าง ไส้ย่าง นมย่าง และซี่โครงย่าง นอกจากนี้ ยังสามารถเลือกเครื่องเคียงอย่างข้าวเหนียวที่หุง/นึ่งร้อน ๆ นุ่มอร่อยทานคู่กับเมนูที่สั่ง รวมทั้งเส้นมาม่า และอื่น ๆ มาทานคู่กันได้อีกด้วย

 

เมนู Signature แซ่บ.. เด็ด.. ไฟลุก ! [อิ่มอร่อยในราคาเริ่มต้น เฉลี่ยเมนูละ 100-300 บาท]

1. ยำบุษบาลุยไฟ
2. ยำบุษบาครวญแครง – เนื้อล้วน ๆ
3. ยำขนมจีนไข่หมึก
4. ผัดหมี่โคราชเจ๊บุษ
5. มาม่าผัดไส้กรอกไข่กุ้งเจ๊บุษ
6. รวมมิตรทอดพาเพลิน
7. ข้าวเหนียวผัดแจ่วแซ่บคอหมูย่าง
8. รวมหมึกย่าง
9. บุษบาสุดซ่า
10. สารพัดส้มตำไทย-ปู-ปูปลาร้า
11. ยำแซลมอน
12. ยำคอหมูย่าง
13. ยำปลาดุกฟู
14. ยำหมึกสาย
15. เสือร้องไห้
16. รวมมิตรย่าง
17. ยำกุ้งดองกุ้งสุก
18. ยำข้าวโพดกุ้งสดไข่เค็ม

“เบิร์นบุษบา” ถือเป็นอีกหนึ่งร้านอาหารคุณภาพ ของ iberry group ลักษณะเดียวกับ ร้าน “กับข้าวกับปลา” ที่การันตีความอร่อยและความสะอาดของอาหารทุกจาน

จุดเด่น “เบิร์นบุษบา”

• คือร้านยำขึ้นห้างฯ ที่ร่วมสมัยและมีความเป็นสากล
• รสชาติยำระดับมาตรฐาน ราคามาตรฐานร้านอาหารขึ้นห้างฯ หลักร้อยบาท
• เป็นธุรกิจร้านยำที่กินเล่นชิลล์ ๆ กับเพื่อน หรือไปทานพร้อมกับครอบครัวได้ดีเลยทีเดียว
• มีเมนูยำให้เลือกเยอะมาก (แบบมาก ๆ ) ส้มตำก็มีหลากหลาย เมนูย่าง ต้ม ครบครัน
• โดดเด่นในเรื่องเมนูจริง ๆ คือครบครันเรื่อง ยำ-ตำ-ทอด-ฟิลล์กับแกล้มแบบสุด ๆ
• รสชาติเป็นไปตามมาตรฐาน ความสะอาดและการให้บริการดีเยี่ยม

 

ฉายภาพ “ปลา – อัจฉรา” เจ้าแม่ร้านอาหาร หยิบจับธุรกิจอะไรก็ปัง ! ทำไม ? ถึงมองอะไรได้เฉียบขาดตลอด

1. คนที่เป็นเจ้าของธุรกิจ จะต้องศึกษาตลาดก่อน หาว่า มีคนชอบสิ่งที่เรากำลังจะทำมากแค่ไหน สมมติมีอยู่ 10 โปรเจกต์ ต้องตัดสินใจดี ๆ ถ้าตัดสินใจผิด ชีวิตจะเป๋ ๆ ไปนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไร ให้ลิสต์ใน 10 โปรเจกต์ที่เหลือดูว่าเราเหมาะกับอะไรอีก แล้วลองศึกษาตลาด แล้วทดลองทำสิ่งนั้นใหม่

2. ข้อนี้สำคัญมาก เมื่อเราตัดสินใจทำแล้ว ต้องลงไปศึกษาลึก ๆ ว่า จะทำยังไง ? ให้แบรนด์เราเป็น Top of Mind ของโปรดักต์นั้น ๆ ได้ ไม่ใช่แค่.. ‘สักแต่คิด’ เพราะใคร ๆ ก็คิดได้ แต่จะทำยังไง ? ให้โปรเจกต์ที่เราทำนั้นออกมาดี โปรดักต์ก็ดี แบรนดิ้งก็ดี สถานที่ก็ดี ทั้งหมดนี้ต้องใช้พลัง ใช้ประสบการณ์ ใช้คอนเน็คชัน ใช้ฝีมือ เป็นองค์ประกอบร่วมกันทั้งหมด

“iberry group เราโชคดี.. ที่มีทีมงานที่เข้ามือ พาร์ทเนอร์ที่รู้ใจ เป็นเพื่อนร่วมหัวจมท้าย และพร้อมที่จะเสี่ยงไปกับเรา”

 

 

อยากทำร้านอาหาร สร้างแบรนด์ให้ปัง..ให้ดัง ! เหมือน iberry group ต้องทำอย่างไร ?

 

1.สร้างแบรนด์ด้วยความแตกต่าง

เริ่มสร้างแบรนด์ด้วยความแตกต่าง มองสิ่งใกล้ตัว หรือสิ่งที่สนใจมาประยุกต์ ในส่วนการตั้งชื่อแบรนด์ก็สำคัญ ต้องเป็นชื่อที่ฟังแล้วติดหู ฟังแล้วคนจำได้และรู้ว่าเราขายอะไร

 

2. สร้างแบรนด์ให้คนยอมรับ

อาหารไทยนั้นมักมีราคาที่สูง และขั้นตอนการทำที่ยาก เหมือนเปรียบกับพวกอาหารสตรีทฟู้ดแล้ว จุดที่จะทำให้คนยอมรับ และเลือกที่จะมากินร้านเรานั้นคือการสร้างความเชื่อตั้งแต่ Character ของร้าน และมาตรฐานในคุณภาพของอาหาร และมาตรฐานในด้านการบริการ

 

3. เช็กความพร้อมก่อนขยายธุรกิจ

แบรนด์ดิ้ง (Branding) ที่ดี ส่งผลต่อการขยายธุรกิจ และยังเกี่ยวโยงไปถึงระบบต่าง ๆ ภายในร้านทั้งระบบหน้าร้าน และระบบหลังบ้าน เพราะการที่จะขยายธุรกิจต่อไปนั้น เราต้องดูว่าระบบต่าง ๆ ของเรานั้นมีประสิทธิภาพเพียงพอหรือยัง ? หรือทีมงานของเรามีความพร้อมไหม ? เรียกได้ว่า เป็นองค์กรที่ดีและเข้มแข็ง ที่สามารถทำให้เราต่อยอดไปได้

 

4. ใส่ใจในทุกรายละเอียด

การทำแบรนด์นั้น ไม่ใช่สักแต่จะทำ ๆ แต่ต้องใส่ใจในทุกรายละเอียดที่ทำ อีกทั้ง ยังต้องเห็นคุณค่าของสิ่งที่ทำด้วย รวมไปถึงการรักษามาตรฐานทั้งออฟไลน์ และออนไลน์ ซึ่งการรักษามาตรฐานในที่นี้ คือ “คุณภาพของรสชาติอาหาร” ที่แม้จะสั่งกลับบ้านก็ยังอร่อยเหมือนทานที่ร้าน ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้แบรนด์และธุรกิจอยู่ได้ยาว