“SINOPEC SUSCO” เมื่อยักษ์ใหญ่จากจีนเข้าร่วมทุนพร้อมเขย่าธุรกิจปั๊มน้ำมันในไทย


หากเอ่ยถึงสถานีบริการน้ำมันในบ้านเรา แน่นอนว่าปั๊มใหญ่ที่หลายคนนึกถึงคงมีไม่กี่เจ้า ไม่ว่าจะเป็น ปตท., บางจาก หรือ PT ซึ่งแต่ละผู้ให้บริการก็มีกลยุทธ์การตลาด จุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป

อีกหนึ่งแบรนด์ที่น่าจับตามอง ซึ่งหลายคนอาจมองข้ามไป แต่ตอนนี้ควรกลับมาโฟกัสให้ความสำคัญ นั่นคือ “SUSCO” ที่ตอนนี้ได้กลุ่มทุนไซโนเปคจากจีนเข้ามาถือหุ้น พร้อมกับเปิดตัวสาขาแรกภายใต้ชื่อแบรนด์ว่า “SINOPEC SUSCO” ไปเป็นที่เรียบร้อย

เรื่องนี้น่าสนใจอย่างไร Smartsme จะเล่าให้ฟัง

ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจก่อนว่า SINOPEC เป็นใครมาจากไหน มีที่มาที่ไปอย่างไรกัน สำหรับกลุ่ม SINOPEC เป็นบริษัทน้ำมัน ก๊าซ ปิโตรเคมี ที่ครบวงจรรายใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นบริษัทเคมีภัณฑ์ที่มีเครือข่ายปั๊มน้ำมันมากเป็นอันดับ 2 ของโลก และบริษัทมีมูลค่าสูงถึง 3 ล้านล้านบาท เลยทีเดียว

การร่วมทุนที่เกิดขึ้นนั้น บริษัท ซัสโก้ จำกัด (มหาชน) จะขายหุ้นให้กับ Sinopec (Hongkong) คิดเป็นมูลค่า 34 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 1,175 ล้านบาท) ในสัดส่วน 49% ผ่านบริษัท ไซโนเปค ซัสโก้ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างจีน-ไทย ดำเนินธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน, น้ำมันอากาศยาน ตลอดจนขยายธุรกิจต่อไปในอนาคต

 

 

เรามาดูผลประกอบการของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับดีลนี้กัน

ผลประกอบการบริษัท ซัสโก้ จำกัด (มหาชน)

-ปี 2563 รายได้รวม 12,550 ล้านบาท กำไรสุทธิ 253 ล้านบาท
-ปี 2564 รายได้ 16,754 ล้านบาท กำไรสุทธิ 265 ล้านบาท
-ปี 2565 รายได้ 25,658 ล้านบาท กำไรสุทธิ 459 ล้านบาท

ผลประกอบการบริษัท ไซโนเปค ซัสโก้ จำกัด

– ปี 2563 รายได้รวม 6,997 ล้านบาท กำไรสุทธิ 119 ล้านบาท
– ปี 2564 รายได้รวม 6,529 ล้านบาท กำไรสุทธิ 115 ล้านบาท
– ปี 2565 รายได้รวม 11,932 ล้านบาท กำไรสุทธิ 267 ล้านบาท

หลังจากการร่วมทุนที่เกิดขึ้นจะทำให้ปั๊มน้ำมันภายใต้การบริหารของไซโนเปค ซัสโก้ จำนวน 25 แห่ง จะถูกเปลี่ยนชื่อเป็น SINOPEC SUSCO ที่มาพร้อมกับสโลแกน Fuel To The Max ต่อไป

โดยสาขาแรกของ SINOPEC SUSCO เปิดแล้วที่รัชดาภิเษก ซึ่งบริษัทให้เหตุผลของการเลือกสถานที่แห่งนี้ว่าเป็นจุดที่อยู่ใจกลางเมือง มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ อยู่รอบ ๆ เช่น ร้านสะดวกซื้อ, ร้านกาแฟ เป็นต้น ไม่เพียงเท่านั้น ทางแบรนด์ได้จัดเต็มเรื่องของการตลาดประกาศลดราคาน้ำมันผลิตภัณฑ์ ลิตรละ 1 บาท ในช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และมีแผนที่จะจัดโปรโมชันคืนกำไรให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการอีกด้วย

มาถึงบรรทัดนี้ หากมองในแง่ของผลประกอบการของ “ซัสโก้” แล้ว ไม่มีใครเถียงกับตัวเลขที่มีกำไรในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา อีกทั้ง Sinopec ที่เข้ามาร่วมทุนในครั้งนี้เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านพลังงาน ซึ่งมีมูลค่ามากกว่า ปตท. ที่เป็นยักษ์ใหญ่ของประเทศไทยในด้านนี้ถึง 3 เท่า แน่นอนว่าในเรื่องของเครือข่าย สายป่านทางธุรกิจย่อมไม่เป็นใครอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ปั๊มน้ำมันในประเทศไทยไม่ได้แข่งขันหรือมีจุดขายอยู่ที่ “น้ำมัน” อีกต่อไป เพราะจะเห็นได้ว่าปั๊มน้ำมันระดับแถวหน้านั้นล้วนใช้บริการอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น ร้านค้า ร้านขายอาหาร ร้านขายเครี่องดื่ม ร้านสะดวกซื้อ เข้าดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการนอกเหนือจากการเติมน้ำมัน หาก SINOPEC SUSCO ต้องการแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดของผู้เล่นเดิม ควรมีบริการในส่วนนี้เข้ามาเติมเต็ม สร้างประสบการณ์ให้กับผู้ใช้บริการให้อยากกลับมาอีก

อีกทั้ง จำนวนสาขาของ SINOPEC SUSCO ที่ยังคงน้อยอยู่ เมื่อเทียบกับ ปตท., บางจาก, พีที ทำให้อาจเสียเปรียบในเรื่องของการรับรู้ในช่วงระหว่างการเดินทางของผู้คน และทั้ง 3 ปั๊มที่กล่าวมา พวกเขาก็เดินหน้า ปรับสถานีบริการน้ำมันให้มีความหลากหลายไปไกลอยู่พอสมควรแล้ว

ดังนั้น จึงเป็นอีกหนึ่งโจทย์หินที่สำคัญของ SINOPEC SUSCO ที่จะเข้ามาแย่งส่วนแบ่งทางการตลาด เข้าไปอยู่ในใจของผู้คน

เรื่องที่เกี่ยวข้อง