โคตรคูล โคตรดีอย่างไร ถึงขั้น WORKPOINT ต้องลงทุนมูลค่า 216 ล้านบาท


WORKPOINT เดินหมากครั้งสำคัญเมื่อแจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่าในที่ประชุมเมื่อวันที่ 9 พ.ย.66 มีมติอนุมัติให้บริษัทย่อยเข้าลงทุนซื้อหุ้นของบริษัท โคตรคูล จำกัด ในวงเงินไม่เกิน 216 ล้านบาท มีสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 49 และผู้ถือหุ้นเดิมร้อยละ 51

เพราะอะไร? “WORKPOINT” ถึงเข้าซื้อหุ้น “โคตรคูล” อะไรคือโอกาสในครั้งนี้ เรามาหาคำตอบกัน

แน่นอนว่าเรารู้จัก “WORKPOINT” ในฐานะของสถานีโทรทัศน์ชื่อดังที่ผลิตเนื้อหารายการด้านความบันเทิง ที่รู้จักกันดี เช่น ระเบิดเถิดเทิง, ตลก 6 ฉาก, ปัญญาปันสุข, The Wall Song ร้องข้ามกำแพง เหล่านี้ได้รับความนิยมจากคนดูเป็นอย่างดี

 

ผลประกอบการของ บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน)

-ปี 2563 รายได้รวม 2,336 ล้านบาท กำไรสุทธิ 159 ล้านบาท
-ปี 2564 รายได้รวม 2,312 ล้านบาท กำไรสุทธิ 324.ล้านบาท
-ปี 2565 รายได้รวม 2,510 ล้านบาท กำไรสุทธิ 171 ล้านบาท

ส่วน “โคตรคูล” นั้นเป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจผลิตและออกอากาศรายการในช่องทางออนไลน์ โดยมี “โอ๊ต” ปราโมทย์ ปาทาน เป็นกรรมการบริษัท มีทุนจดทะเบียน 1,000,000 บาท มีรายการสำคัญ ๆ เช่น จีบหนูหน่อย, CAMPปลิ้น, โต้วาเทย ซึ่งมีการนิยามตัวเองว่า “โครตคูล” คือแหล่งรวมความสนุก เพราะเจ้าของช่องอารมณ์ดี ที่มีเพื่ออารมณ์ดียิ่งกว่า

 

ผลประกอบการของ บริษัท โคตรคูล จำกัด

– ปี 2563 รายได้รวม 37 ล้านบาท กำไรสุทธิ 3 ล้านบาท
– ปี 2564 รายได้รวม 80 ล้านบาท กำไรสุทธิ 6 ล้านบาท
– ปี 2565 รายได้รวม 113 ล้านบาท กำไรสุทธิ 18 ล้านบาท

วิเคราะห์ตามมุมมองของ Smartsme ถึงการเข้าซื้อหุ้น “โครตคูล” ของ “WORKPOINT” ว่าคงเล็งเห็นโอกาสขยายธุรกิจที่ทำอยู่จากเดิมเพิ่มลงสู่ช่องทางออนไลน์ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่ารายการของ “โคตรคูล” ที่ทำออกมานั้นมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง และเป็นคอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมในโลกออนไลน์เป็นอย่างมาก

ที่ผ่านมา “WORKPOINT” จะทำรายการผ่านช่องโทรทัศน์ หากอยากเข้าสู่ออนไลน์ การมี “โคตรคูล” อยู่ในหุ้นส่วนจึงเป็นทางเลือกที่ดีในเรื่องนี้ เพราะมีศักยภาพ รู้ดีว่าคนออนไลน์ชอบเสพคอนเทนต์แบบไหน โดยงานแรกที่สองบริษัทจะทำร่วมกันเป็นงานแรก คือทอล์กโชว์ “อุลเนอร์แมน STAND ALONE” ของ อุล ภาคภูมิ จงมั่นวัฒนา ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 18 พ.ย.66 ที่โรงละครเคแบงก์ สยามพิฆเนศ สยามสแควร์วัน