Ai-CHA แฟรนไชส์ไอศกรีม-ชานม สัญชาติอินโด กับโมเดลธุรกิจเดียวกับ MiXUE


กระแสไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟ และชานมกำลังเป็นกระแสยอดนิยมในประเทศไทย หากพูดถึงแบรนด์ที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันเป็นอย่างดีคงหนีไม่พ้น MiXUE ที่รุกทำการตลาด เร่งเปิดสาขาจำนวนมากตามสถานที่ต่าง ๆ แบบเติบโตแบบก้าวกระโดด รวมถึงแผนระยะยาวที่วางเอาไว้

หากลงรายละเอียดไปดูแบรนด์ที่อยู่ในประเภทธุรกิจนี้จะพบว่าไม่ได้มีแค่ MiXUE เจ้าเดียวเท่านั้น แต่จะมีผู้เล่นรายอื่น ๆ ที่พร้อมก้าวขึ้นมาเป็นคู่แข่งในอนาคต เพียงแค่ตอนนี้พวกเขายังคงตามหลังอยู่ในด้านของการเริ่มต้น ตลอดจนเรื่องการตลาดที่ต้องใช้เวลาสักระยะ

Ai-CHA แฟรนไชส์ไอศกรีม-ชานม อีกหนึ่งแบรนด์น้องใหม่ที่ใช้โมเดลธุรกิจที่คล้ายคลึงกับ MiXUE สำหรับ Ai-CHA ก่อตั้งในปี 2019 โดยสองพี่น้องตระกูล Lie และประสบความสำเร็จอย่างมากในการเปิดสาขาแรกในอินโดนีเซีย เมื่อเดือนสิงหาคม 2022 ซึ่งแบรนด์มุ่งหวังที่จะให้บริการเครื่องดื่มคุณภาพดีในราคาที่ผู้บริโภคเอื้อมถึงได้

 

 

คำว่า Ai-CHA เป็นการผสมผสานระหว่างตัวอักษรจีน 爱”(ài) และ “茶”(chá)เข้าด้วยกัน ซึ่งสามารถแปลเป็นคำกริยาภาษาอังกฤษได้ว่า “Like” และคำนาม “ความรัก” ในขณะ “茶”(chá)ก็หมายถึงชา หากมองภาพรวมของชื่อแบรนด์หมายถึง แบ่งปันความรักในตัวชาด้วยการเสิร์ฟชาคุณภาพดีอย่างเต็มใจที่จะดึงดูดให้คนทั่วโลกมาลิ้มลอง

ในประเทศไทย Ai-CHA ถูกบริหารโดยบริษัท ไอ-ชา ฟู้ด ทีจี จำกัด เข้ามาจดทะเบียนวันที่ 14 ธ.ค.2565 ด้วยทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท มีนายเหมิง หลี่ เป็นกรรมการบริษัท และสาขาแรกเปิดเมื่อวันที่ 3 มิ.ย.2566 ตรงซอยรามคำแหง 24 ปัจจุบันมี 5 สาขาในไทย ได้แก่ รามคำแหง 24, สายไหมอเวนิว, ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต, ลาดกระบัง 13/8, บางแสน ข้างมหาวิทยาลัยบูรพา

ด้านเมนูของ Ai-CHA ถือว่ามีความใกล้เคียงกับ MiXUE ไม่ว่าจะเป็น ไอศกรีม, ชานม, ชาผลไม้ มีท้อปปิ้งให้ ได้แก่ ไข่มุก, เจลลี่มะพร้าว, ข้าวโอ๊ต, ชูการ์เยลลี่ และถั่วแดง เช่นเดียวกับโลโก้ที่ก็มีลักษณะคล้ายกัน ทั้งการใช้โทนสีแดง ตัวอักษร มาสคอต และการจัดวางตำแหน่ง หากไม่สังเกตอาจจำว่าเป็นแบรนด์เดียวกันได้

ด้านวัตถุดิบเพื่อให้ได้รสชาติเครื่องดื่มที่ดีที่สุด Ai-CHA ได้ใช้วัตถุดิบคุณภาพดีที่สุดจากทั่วโลก ผ่านกระบวนการเครื่องจักรที่มีคุณภาพออกมาเป็นรสชาติเครื่องดื่มให้ลูกค้าได้ลิ้มลอง

นอกจากนี้ยังมีแบรนด์ในธุรกิจเดียวกันอีก “WeDrink” จากประเทศจีนอีกรายที่ขายเมนูเครื่องดื่มแบบเดียวกันผ่านกลยุทธ์จัดหาไอศกรีม และเครื่องดื่มคุณภาพสูง แต่ราคาต่ำให้กับลูกค้า ผ่านการผสมผสานการวิจัยและพัฒนาอาหาร การผลิตวัตถุดิบ การจัดหาโลจิสติกส์ของแบรนด์

เรียกได้ว่าเป็นการแข่งขันดุเดือด โดยใช้โมเดลธุรกิจแบบเดียวกันนั่นคือ ราคาเมนูที่ไม่แพงจนเกินไป ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้ เริ่มต้นที่ 15 บาท แน่นอนว่าหากมองในมุมของผู้บริโภคย่อมเป็นผลดี เพราะมีแบรนด์ลักษณะเดียวกันให้เลือกตัดสินใจซื้อ ซึ่งขึ้นอยู่กับความชอบ คุณภาพของเมนูนั้น ๆ ว่าถูกใจพวกเขามากแค่ไหน ขณะเดียวกัน ตัวแบรนด์ก็ต้องคิดค้น หาวิธีการเพื่อดึงดูดลูกค้าเข้ามา ทั้งในเรื่องรสชาติ คุณภาพของวัตถุดิบ การทำการตลาดสร้างการมีส่วนร่วม ซึ่งเป็นเรื่องน่าจับตามองว่าสุดท้าย แบรนด์ไหนจะครองใจลูกค้าในที่สุด

ที่มา: ai-chafood

เรื่องที่เกี่ยวข้อง