ทำไมธุรกิจยุคนี้ต้องทรานส์ฟอร์มถึงจะอยู่รอด
การทำธุรกิจสมัยนี้ เราไม่อาจทำแบบเดิม ขายแบบเดิม บริหารแบบเดิมได้อีกต่อไป เพราะความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่มีความทันสมัยมากขึ้นจึงเข้ามาเปลี่ยนแปลง ทำให้ธุรกิจที่ทำอยู่ดียิ่งขึ้น
“ปัจจุบันแบรนด์นี้มี 64 สาขา กระจายอยู่ 20 ประเทศทั่วโลก การติดต่อเข้ามาขายนั้นยากมาก ไม่ใช่เพียงแค่มีทุนอย่างเดียว ก็จะสามารถนำแบรนด์เขามาใช้ได้ ซึ่งทางเจ้าของแฟรนไชส์ ค่อนข้างพิจารณาถึงศักยภาพนักลงทุนในแต่ละประเทศเป็นอย่างมาก เขาต้องดูว่าเราเคยทำธุรกิจอะไร มีวิธีคิดด้านการตลาดอย่างไร ทำเลเหมาะสมแค่ไหน กว่าจะสรุปลงตัวใช้เวลาอยู่เกือบปี แรกๆ ก็ท้อ แต่ด้วยความตั้งใจและพยายามตื๊อเขา จนในที่สุดเราก็ได้สิทธิ์เปิด Stickhouse สาขาที่ 62 ในประเทศไทย ชั้นใต้ดิน สยามพารากอน” คุณสุชญา เล่าถึงความพยายาม
คุณสุชญา เล่าให้ฟังต่อว่า ร้านนี้เป็นธุรกิจใหม่สำหรับเธอ ดังนั้นการบริหารก็ต้องเซ็ตระบบใหม่ขึ้นมาทั้งหมด และได้แบ่งหน้าที่กระจายไปให้กับหุ้นส่วนแต่ละคนตามความถนัด ส่วนตัวเธอถนัดในเรื่องการพัฒนาโปรดักส์ ต้องบริหารพนักงานในครัวกลาง 4-5 คน ดูแลวัตถุดิบ และกระบวนการผลิต ให้ได้มาตรฐานร้านต้นแบบที่อิตาลี การผลิตทำขายแบบวันต่อวัน
ไอศกรีมโฮมเมดสูตรดั้งเดิมของอิตาลี อร่อยและได้ความหวานจากผลไม้ (Fructose) ไม่มีสารเจือปนใดๆ และต้องไม่มีอากาศเข้าไปในเนื้อไอศกรีม สีของไอศกรีมทุกรสชาติได้จากเนื้อผลไม้ล้วนๆ สามารถเลือกได้ถึง 3 รสชาติ โดย 1 ดีไซน์ ทำได้เพียง 24 แท่งต่อครั้ง ราคาเริ่มต้น 89 บาท สูงสุด 149 บาท ลูกค้าให้การตอบรับทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ สร้างรายรับเป็นเงิน 5-6 หลักต่อวัน
คุณสุชญา ให้มุมมองในการทำธุรกิจว่า การที่จะลงทุนทำธุรกิจอะไรสักอย่าง สิ่งนั้นต้องมีความแตกต่างในตลาด เพื่อให้ธุรกิจสามารถเข้าไปแทรกตัวในตลาดได้อย่างเต็มตัว และการที่ได้ขึ้นชื่อว่า “เป็นเจ้าแรกเจ้าเดียว” จะยิ่งช่วยให้ธุรกิจเกิดการซื้อ-ขาย ได้ง่ายยิ่งขึ้น นอกจากนี้การขยายสาขาก็เป็นเรื่องดี เพราะเครื่องจักร 1 ตัว สามารถผลิตได้หลายชิ้น หากมีหลายสาขา ก็ยิ่งช่วยสร้างรายได้เพิ่มเติมเข้ามาได้อีก ส่วนคนรุ่นใหม่ท่านใด ที่อยากทำธุรกิจ ขอบอก!!! ใจต้องกล้าเท่านั้น ร้านจึงจะสามารถขึ้นป้ายและเดินหน้าต่อไปได้