ซื้อมาขายไป สไตล์บุรีรัมย์ยูไนเต็ด


การทำทีมฟุตบอลสักทีมหนึ่ง หากมองในเรื่องสนาม ย่อมหนีไม่พ้นกับการพาทีมไปสู่เป้าหมายที่วางเอาไว้ ทั้งการคว้าแชมป์ ประสบความสำเร็จในรายการที่ลงแข่งขัน แต่ในโลกของฟุตบอลไม่ได้อยู่แค่ผลงานในสนามเท่านั้น นอกสนามก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน และนั่นคือการซื้อ-ขายนักฟุตบอลของทีมฟุตบอลแนวหน้าทีมหนึ่งของเมืองไทย “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่อยากนำเสนอในบทความนี้ครับ

ย้อนกลับไปเมื่อช่วงกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หลายท่านคงจะได้ยินข่าวดีลการซื้อขายที่ช็อกวงการฟุตบอลไทย เมื่อ “เจ้าอุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน นักฟุตบอลสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และเป็นกัปตันทีมชาติไทยชุดปัจจุบัน ได้ย้ายทีมข้ามฝากมายังสโมสรคู่แข่งสำคัญอย่าง “กิเลนผยอง” เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ดด้วยค่าตัวที่เป็นประวัติศาสตร์ของฟุตบอลไทย

จากการเปิดเผยของคุณทัดเทพ พิทักษ์พูลสิน ผู้จัดการทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด บอกว่า ค่าตัวของธีราทร อยู่ที่ 30 ล้านบาท จากการที่เอสซีจี เมืองทองยูไนเต็ด ยื่นเสนอเข้ามา การย้ายทีมครั้งนี้ถือว่าเป็นวิถีของอาชีพนักฟุตบอลและเจ้าตัวถือเป็นผู้เล่นอาวุโสของทีม และเมื่อตลาดเปิดรอบสอง จะเดินหน้าคว้าผู้เล่นมาเสริมแน่นอน

มองในมุมการทำธุรกิจถือได้ว่าบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดทำได้อย่างยอดเยี่ยมกับการซื้อขายในครั้งนี้ เพราะธีราทร นั้นใกล้หมดสัญญากลับสโมสร และเจ้าตัวยืนยันว่าจะไม่ต่อสัญญาฉบับใหม่กับทีม ซึ่งหากปล่อยให้สัญญาหมดก็จะทำให้บุรีรัมย์ ยูไนเต็ดไม่ได้ค่าตัวแม้แต่บาทเดียว ดังนั้นจึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการขายออกไปในช่วงนี้

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดกับการทำธุรกิจซื้อ-ขายนักฟุตบอล ที่ได้กำไรมาเต็มๆ เพราะเมื่อมองย้อนกลับไปในช่วงเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น

ปี 2556 ขายแฟรงค์ อาเชียมปง ดาวเตะชาวกานาไปให้กับทีมอันเดอร์เลชท์ ยอดทีมจากเบลเยี่ยม ด้วยค่าตัวราคา 1 ล้านยูโร หรือราว 39 ล้านบาทไทย

ปี 2558 ขายฆาเวียร์ ปาตินโญ่ ศูนย์หน้าชาวฟิลิปปินส์ให้กับ เหอหนาน เจียนยี่ ทีมในไชนีส ซุปเปอร์ลีก ในราคาสูงถึง 1.2 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 40 ล้านบาทไทย

นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายกรณีทั้ง ออสมาร์ อิบันเยซ ที่ย้ายไปเอฟซี โซล หรือ คาร์เมโล่ กอนซาเลซ ย้ายไปทีมร่วมลีกอย่างสุพรรณบุรี โดยทั้งหมดเป็นนักฟุตบอลที่ซื้อเข้ามา และขายออกไปทำกำไรให้กับสโมสรมากมาย

จากที่กล่าวมาสะท้อนให้เห็นว่า นักฟุตบอลก็เปรียบเหมือนกับสินค้า เมื่อสามารถสร้างคุณค่าด้วยผลงานในสนามของตนเองให้โดดเด่น ยกระดับขึ้นมา นำมาซึ่งความต้องการจากทีมอื่น การเปิดเจรจาซื้อ-ขายจึงเกิดขึ้น นำมาถึงเม็ดเงินกำไรเข้าสู่ทีมในที่สุด มองในมุมคนดูฟุตบอลอาจจะเสียใจกับการสูญเสียนักฟุตบอลซึ่งเป็นกำลังหลักให้กับทีมอื่นไป แต่หากมองในเรื่องธุรกิจแล้วถือว่าเป็นการดำเนินการที่ต้องยกนิ้วให้ คุ้มค่าจริงๆครับ

ขอบคุณรูปภาพจาก Facebook Fan page บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

By : อนิรุทธิ์ จารึกธรรม