“คำพูดต้องห้าม” เมื่อก้าวเท้ามาเป็น SMEs


“การใช้คำพูดที่ดีสามารถพาให้ธุรกิจสำเร็จ แต่หากพูดไม่เข้าหูเพียงนิด ธุรกิจก็อาจพังได้”

คำพูดคือสิ่งสะท้อนความคิดและ ทัศนคติของคนเราได้ดีที่สุด หลายครั้งคำพูดของคนเพียงคำเดียว ทำให้กระทบจิตใจผู้ฟังจนเกิดความรู้สึกใจติดลบหรืออาจสะสมลุกลามจนกลายความขัดแย้ง

โดยเฉพาะในแง่ของธุรกิจ หากผู้ค้าไม่มีวุฒิภาวะในการฉลาดคิดฉลาดพูดและฉลาดตอบคำถาม อาจทำให้คุณสูญเสีย Partner และโอกาสต่างๆทางธุรกิจไป ฉะนั้น SMEs จำเป็นต้องมีศาสตร์และศิลป์ในการพูด

พูดโกหกเพื่อเอาตัวรอด

ใครบ้างจะชอบถูกโกหก โดยเฉพาะการโกหกในเชิงธุรกิจ ถ้าหากลูกค้าจับได้เพียงแค่ครั้งเดียว นอกจากคุณจะหมดศรัทธาแล้ว ธุรกิจอาจหมดความน่าเชื่อถือและพังได้ จากการบอกเล่าปากต่อปากของลูกค้า

พูดหมดเปลือกพูดไม่ตรงประเด็น

คงไม่มีลูกค้าคนไหนชอบฟังการแจงแจงรายละเอียดยิบย่อย โยงเรื่องราวปะติดปะต่อหรือพูดไม่ตรงประเด็น เช่น การเล่าเรื่องส่วนตัวจนน่ารำคาญ วันๆไปไหนทำอะไรมา ไปที่ไหน กับใคร อย่างไร…และ ลูกค้าอาจมองได้ว่าคุณเป็นคนน่าเบื่อและเกิดความไม่สนใจในตัวคุณ

พูดคำว่า “ไม่” บ่อยครั้งจนเกินไป

ไม่มีลูกค้าคนไหนหรอกที่อยากได้ยินคำปฏิเสธ การหาแนวทางปรับปรุงแก้ไขต่างหากคือทางออกที่ดีที่สุด ถ้าสิ่งนั้นมันเป็นไปไม่ได้จริงๆ แนะนำให้ค่อยๆไกล่เกลี่ย ต่อรอง เพื่อลูกค้าจะได้รับคำตอบที่พอใจและรู้สึกว่าเราได้ทำเต็มที่แล้ว

พูดถึงความผิดพลาดของลูกค้า

ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปเอาผิดกับลูกค้า เพราะผลที่ได้รับมามันมีแต่เสียกับเสีย ถ้าลูกค้าผิดจริง คุณอาจต้องสรรหาคำพูดที่ดีในทางจิตวิทยา เพื่อให้ win win กันทั้งสองฝ่าย

พูดถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในบริษัทตนเอง

การที่ลูกค้าเข้ามาก็เพื่อหาทางออกที่ดีให้กับบริษัท ไม่มีลูกค้าคนไหนอยากรับฟังปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในองค์กรของคุณหรอก ซ้ำยังทำให้เขารู้สึกว่าคุณไม่มีความเป็นมืออาชีพ หมดความน่าเชื่อถือเปล่าๆ ทางกลับกันคือคุณต่างหาก ที่ต้องรับฟังและแก้ปัญหาให้กับลูกค้า