ภูมิทัศน์ใหม่เศรษฐกิจไทย 100 บริษัทอาเซียนกำไรลด 4%


หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ จัดงานสัมมนา “THAILAND 2017 ภูมิทัศน์ใหม่เศรษฐกิจไทย” ณ ห้องบอลรูม ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อวันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยมี ศ.ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ร่วมปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “ทศพิธราชธรรม นำทางราษฎร์-รัฐ” ซึ่งเป็นส่วนแรกของการสัมมนา ซึ่งได้หยิบยกหลักทศพิธราชธรรม นำมาใช้เป็นเครื่องมือนำทาง ปฏิบัติ ประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวัน การทำงานของนักธุรกิจ พ่อค้า รวมถึงภาครัฐ และเอกชนพร้อมกับกล่าวถึงภูมิทัศน์การเมืองในปี 2560 ว่า

ภูมิทัศน์ทางการเมืองในปี 60 จะมีการเปลี่ยนแปลงมาก ไม่ใช่แค่ Change แต่เป็นการเปลี่ยนครั้งใหญ่ หรือ Reform คือ การปฏิรูป เพราะฉะนั้นปีหน้าจะต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลง ไม่นานก็จะเปลี่ยนแผ่นดิน เปลี่ยนรัชกาล ส่วนจะมีขึ้นเมื่อไรอยู่ที่พระบรมราชวินิจฉัย เป็นการเปลี่ยนแปลงอันดับแรก

การเปลี่ยนแปลงที่ตามมา คือ การประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อไป คือ การดำเนินการตามรัฐธรรมนูญที่บังคับไว้ในรัฐธรรมนูญ โดยนับหนึ่งหลังจากรัฐธรรมนูญประกาศใช้ ขั้นตอนต่อไปที่จะเปลี่ยนแปลง คือ เรื่องการออกกฎหมายลูก 10 ฉบับ ต้องทำให้เสร็จภายใน 8 เดือน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรก 6 ฉบับ ไม่จำเป็นต้องทำให้เสร็จในรัฐบาลนี้ กลุ่มที่สอง 4 ฉบับ ได้แก่ กฎหมายคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กฎหมายพรรคการเมือง กฎหมายการเลือกตั้ง กฎหมายการสรรหา ส.ส.และ ส.ว. เป็นกฎหมาย 4 ฉบับสำคัญเพราะเมื่อกฎหมายฉบับสุดท้ายจาก 4 ฉบับประกาศใช้เมื่อไร ต้องจัดการเลือกตั้งให้เสร็จภายใน 5 เดือน

เมื่อคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) จัดทำกฎหมายลูก 4 ฉบับในกลุ่มแรกเสร็จ ต้องส่งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาให้เสร็จภายใน 2 เดือน เมื่อประกาศใช้ต้องจัดการเลือกตั้งภายใน 5 เดือน เร็วกว่า 5 เดือนก็ได้ จึงคาดว่าจะจัดการเลือกตั้งได้ภายในปี 60 แต่ถ้าต้องการเลือกตั้งให้เร็วกว่า 5 เดือน เช่น ภายใน 1 เดือนก็ได้ แต่จะเหลือพรรคที่พร้อมเลือกตั้งเท่านั้น ทำให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบ ยกเว้นแต่เซตซีโร่ ขอย้ำว่าจัดการเลือกตั้งภายในปี 60 แต่อย่าไปไกลถึงการมีรัฐบาลใหม่ภายในปี 60

prachachat2

นอกจากนี้ ช่วงถัดมา คุณสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมบรรยายพิเศษหัวข้อ “100 บริษัทอาเซียน โลกใหม่ ความท้าทายใหม่”โดยเปิดเผยว่า จากการจัดอันดับบริษัทจดทะเบียน (บจ.) 100 แห่งในอาเซียน หรือ ASEAN 100 ประจำปี 2559 ซึ่งเป็นการใช้ข้อมูลจากรายได้ประจำปี 2558 พบว่า มีการปรับเปลี่ยนอันดับเกิดขึ้น

ทั้งนี้ 100 บริษัทในอาเซียนที่ได้รับการจัดอันดับ มีรายได้รวมที่ 23.73 ล้านล้านบาท ลดลง 4% จากปีก่อนหน้า ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.9 ล้านล้านบาท ลดลง 4% จากปีก่อน ซึ่งพบว่าประเทศไทยมี 26 บริษัท (ไม่รวม บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์) ที่ติดอันดับ ASEAN 100 มีรายได้รวมลดลงราว 14% กำไรสุทธิลดลง 6% สะท้อนความสามารถในการทำธุรกิจที่ลดลง เช่นเดียวกับอีกหลายประเทศในอาเซียนที่รายได้ชะลอตัว มีเพียงประเทศเวียดนาม ที่ยังเติบโตโดดเด่นพอสมควร

ขณะเดียวกัน การคาดการณ์ในปี 2560 นั้นมีการประเมินว่าทุกบริษัทในอาเซียนต้องเผชิญความท้าทาย จากความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ โดยเฉพาะการเข้ามารับหน้าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ โดยนายโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งสร้างความผันผวนทั้งตลาดหุ้น พันธบัตร อัตราแลกเปลี่ยน ทำให้สิ่งที่ควรต้องระวังคือ การตกต่ำของเศรษฐกิจโลก ภาวะอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำเกินไปจนบิดเบือนตลาดการเงิน และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่มีอุปสรรคเรื่องเงินทุน

เครดิต : ประชาชาติธุรกิจ