……..มาตรการเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้กับผู้มีเงินได้ที่ซื้อสินค้าและบริการ ในช่วงปลายปี หรือ มาตรการ “ช้อปช่วยชาติ” ที่หลายคนรอคอยและลุ้นกันอยู่นาน ล่าสุด รัฐบาลประกาศให้มาตการดังกล่าว มีผลระหว่างวันที่ 14-31 ธ.ค. 2559 รวมเวลา 18 วัน โดยมีวงเงินการใช้จ่ายจริง และตามฐานภาษีของแต่ละบุคคล ไม่เกินคนละ 15,000 บาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี
โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ‘มาตรการช็อปช่วยชาติ 15,000 บาท’ ที่ออกมากระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงปลายปี 2559 น่าจะเป็นโอกาสให้กับบรรดาผู้ประกอบการค้าปลีก ร้านอาหาร และธุรกิจบริการ (ที่จดทะเบียนอยู่ในระบบและสามารถออกใบกำกับภาษีได้) อาศัยช่วงเวลาดังกล่าวเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจ จากที่ก่อนหน้านี้ ภาคธุรกิจกำลังเผชิญแรงกดดันจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ยังไม่ฟื้นตัวอย่างชัดเจน
ทั้งนี้ จากผลสำรวจพบว่า ประชาชนกว่าร้อยละ 60.0 ของผู้ที่ตอบแบบสอบถามทั้งหมด สนใจใช้สิทธิตามมาตรการเพื่อลดหย่อนภาษี และมีการวางแผนที่จะซื้อสินค้าและบริการในช่วงวันที่ 14-31 ธันวาคม 2559 ซึ่งเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นกว่าปีที่แล้ว จากการขยายกรอบระยะเวลาในการซื้อสินค้าและบริการ โดยในจำนวนนั้น ร้อยละ 34 ระบุว่าจะใช้สิทธิเต็มจำนวน
นอกจากนี้ แรงส่งของมาตรการช็อปช่วยชาติที่ออกมาในช่วงท้ายของปีนี้ น่าจะส่งผลต่อเม็ดเงินที่สะพัดในกลุ่มธุรกิจค้าปลีก ร้านอาหาร และธุรกิจบริการสูงกว่ามาตรการที่ออกมากระตุ้นในปีก่อน โดยคาดว่าผลจากมาตรการดังกล่าว น่าจะกระตุ้นให้มีเม็ดเงินกระจายไปสู่ธุรกิจค้าปลีก ร้านอาหาร และธุรกิจบริการอื่นๆ ประมาณ 13,000 ล้านบาท แบ่งเป็นค้าปลีกสินค้าและบริการทั่วไปรวม 12,000 ล้านบาท และร้านอาหาร 1,000 ล้านบาท
วันนี้ เราได้รวบรวมห้างร้านชั้นนำ ที่ออกมาตอบรับกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าวประกอบด้วย
บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์
สำหรับมาตรการช้อปช่วยชาติ บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ให้ประชาชนสามารถใบเสร็จจากการซื้อสินค้าและบริการ หักลดหย่อนในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยคาดว่าจะสามารถกระตุ้นยอดขายได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 20 พร้อมกันนี้ บิ๊กซีได้เตรียมพร้อมเจ้าหน้าที่ พนักงาน ในการออกใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ พร้อมติดป้ายบอกจุดบริการ ซึ่งขณะนี้เริ่มมีประชาชนทยอยเข้ารับบริการขอใบกำกับภาษีอย่างต่อเนื่อง
บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน)
หรือ “โฮมโปร” เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่พร้อมสนอนนโยบายรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปี เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนออกมาใช้จ่ายมากขึ้น โดยการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับเงินได้ตามที่จ่ายเป็นค่าสินค้า หรือบริการ ในระหว่างวันที่ 14 -31 ธ.ค.59 ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 15,000 บาท โดยโฮมโปรได้จัดโปรโมชั่นร่วมสนับสนุนนโยบายดังกล่าว ภายใต้แคมเปญ “ช้อปช่วยชาติ…ช้อปฉลาดสุดคุ้ม” ซึ่งถือเป็นนโยบายต่อเนื่องจากเมื่อปี 58 ที่ได้รับกระแสตอบรับค่อนข้างดี
บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด
ห้างเซ็นทรัล ระบุว่า จากการที่รัฐบาลได้ออกมาตรการลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดา สำหรับเงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการ จากผู้ประกอบกิจการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 15,000 บาท หรือมาตรการช้อปช่วยชาติ กลุ่มเซ็นทรัลมองว่ามาตรการดังกล่าวถือเป็นมาตรการที่ดีมากที่จะช่วยกระตุ้นบรรยากาศให้ประชาชนเกิดการใช้จ่ายมากยิ่งขึ้น โดยกลุ่มเซ็นทรัลเชื่อว่าปีนี้มาตรการดังกล่าวน่าจะประสบความสำเร็จมากกว่าครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากประชาชนได้มีโอกาสการเตรียมตัวล่วงหน้า ต่างจากครั้งแรกที่รัฐบาลออกมาตรการออกมาอย่างกระทันหัน ทำให้ประชาชนวางแผนการใช้จ่ายไม่ทัน รวมทั้งระยะเวลามาตรการในครั้งนี้ยาวนานกว่าครั้งแรกถึง 7 – 8 วัน จึงเชื่อว่า จะทำให้ประชาชนมีเวลาในการตัดสินใจ เลือกซื้อสินค้ามากขึ้น และประชาชนที่ตอบรับและเข้าร่วมมาตรการครั้งนี้ก็น่าจะเยอะกว่าครั้งที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ในส่วนการรองรับมาตรการดังกล่าว ห้างเซ็นทรัลจัดแคมเปญ 4 เรื่อง ได้แก่
1.การจัดโปรโมชั่นลดราคาสินค้าทุกชั้น ทุกแผนก พร้อมลุ้นแพ็กเกจท่องเที่ยวในประเทศ
2.ขยายเวลาเปิด-ปิดห้างบางสาขา เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าได้ช็อปกันเต็มที่
3.เตรียมความพร้อมเรื่องจุดให้บริการออกใบกำกับภาษีมูลค่าเพิ่ม เพื่อความสะดวกรวดเร็ว
และ 4.เข้าถึงลูกค้าด้วยการประชาสัมพันธ์ทุกช่องทาง
บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด
สำหรับเจ้าของและผู้บริหารศูนย์การค้าสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ ก็จัดกิจกรรมสนองนโยบายภาครัฐมาตรการช็อปช่วยชาติด้วยการเพิ่มสิทธิประโยชน์และความคุ้มค่ากระตุ้นการจับจ่ายในแคมเปญ“สยาม ช้อป ช่วย ชาติ”ช็อปครบ 15,000 บาทขึ้นไป รับทันที Siam Gift Card มูลค่า 1,500 บาท สำหรับสมาชิก VIZ Card รับเพิ่มทันที Siam Gift Card มูลค่า 150 บาท และสมาชิก Platinum M Card รับเพิ่มคะแนนสะสมสูงสุด 1,500 คะแนน
บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน)
ขณะที่ แม็คโคร ได้เพิ่มกลุ่มสินค้าลดราคาจาก 2,000 รายการเป็น 3,000 รายการ โดยเน้นใน 3 กลุ่มคือ เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าคงทนและสินค้าใช้ในเทศกาลปีใหม่ และเพิ่มส่วนลดจาก 20-50% เป็น 20-70%