ปิดจุดอ่อน เสริมจุดแข็ง ด้วย 6 Skills ที่จะทำให้คุณเป็น “หัวหน้า” ที่เก่งจริงๆ


ผู้ประกอบการทุกคนย่อมมีอีโก้อยู่ในตัว คิดว่าตัวเองเก่ง ตัวเองเจ๋งที่สุด ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ดีที่คุณมีความมั่นใจในตัวเอง เพราะไม่อย่างนั้นก็คงไม่กล้าที่จะเริ่มต้นทำสิ่งต่าง ๆ หรือเปิดธุรกิจขึ้นมาได้ แต่การที่อีโก้คุณมากเกินไปก็อาจจะบังตาให้คุณมองไม่เห็นข้อเสียของตัวเอง

บางเรื่องคุณอาจจะไม่ได้เก่งที่สุด ตรงนี้ต้องยอมรับ เพราะคนทุกคนไม่มีทางเก่งทุกอย่างได้ด้วยตัวคนเดียว เราจึงต้องจ้างพนักงานมาช่วยบริหารจัดการสิ่งต่าง ๆ แทนเรา ดังนั้นบางสิ่งคุณอาจทำได้ไม่ดีกว่าเขาก็ไม่เป็นไร สำคัญที่สุดคือ คุณต้องไม่หยุดพัฒนา และต้องรับฟังเหตุผลของคนรอบข้าง เพื่อไม่ให้คนอื่นมองว่าคุณเป็นหัวหน้าที่ไร้ความสามารถ

และนี่คือ 6 ทักษะที่จะช่วยปกปิดจุดอ่อนในการเป็นหัวหน้าของคุณได้ ทำแล้วจะมีแต่คนรักและนับถือคุณ

 

1. ช่วยเหลือคนอื่นให้เป็นนิสัย

ถึงแม้ว่าการช่วยเหลือในแต่ละครั้งมันจะไม่ได้เกิดประโยชน์กับคุณโดยตรงก็ไม่เป็นไร ขอให้คุณช่วยเหลือเขาต่อไปโดยเฉพาะคนรอบตัว ซึ่งการที่คุณช่วยเหลือพนักงาน ลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน โดยไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง และอยู่นอกเหนือขอบเขตของการทำงาน จะยิ่งทำให้คนเหล่านั้นมองคุณในแง่ดี รู้สึกดีกับคุณ ซึ่งมันจะส่งผลดีในการทำธุรกิจได้ในระยะยาวแน่นอน อีกทั้งยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่จะช่วยเหลือคุณได้ในอนาคตแบบไม่ต้องสงสัยเลย

2. รู้ว่าตัวเองมีจุดอ่อน หรือข้อเสียอะไร

การที่คุณไม่รู้ตัวว่ามีจุดอ่อนอะไร มีแต่จะทำให้คุณถอยหลังลงคลองไปมากขึ้น และคนประเภทนี้ลูกน้องและคนรอบตัวจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยยากมาก ดังนั้นให้คุณสอบถามจากคนใกล้ตัว หรือลิสต์ข้อเสียของตัวเองที่คุณรู้เอาไว้ จากนั้นนำมาพัฒนา ปรับปรุงให้ดีขึ้น ค่อย ๆ เปลี่ยนไปทีละนิด ทีละหน่อย สุดท้ายเมื่อข้อเสียของคุณถูกกลบไปจนหมด คุณจะกลายเป็นคนที่มีประสิทธิภาพและใคร ๆ ต่างก็รักแน่นอน

3. อย่าบอกว่าตัวเองไม่มีเวลา

ผู้ประกอบการหลายคนมักละเลยการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม เช่น การลงคอร์สเรียนระยะสั้น การเข้าฟังสัมมนาที่น่าสนใจ หรือการศึกษาข่าวสารต่าง ๆ ในแต่ละวัน เนื่องจากการอ้างว่าไม่มีเวลา มีงานต้องทำจำนวนมาก ข้ออ้างนี้มีแต่จะทำให้คุณจมปลักอยู่กับฝีมือเดิม ๆ ซึ่งในยุคหนึ่งคุณอาจเป็นคนที่เก่งที่สุดก็จริง แต่เมื่อเวลาผ่านไปและพนักงาน ลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน ได้พัฒนาไปจนหมด จะเหลือแต่คุณเพียงคนเดียวที่ยังคงทำได้แต่สิ่งต่าง ๆ แบบเดิม ไม่พัฒนาไปไหนสักที เพราะฉะนั้นหาเวลาว่างให้ตัวเองทุกวัน เพื่อฝึกทักษะที่ตัวเองไม่ชำนาญ หรือเรียนรู้สิ่งต่างๆ มากขึ้น จะช่วยให้คุณเป็นหัวหน้าที่เก่งอยู่ตลอดเวลา และลูกน้องต่างนับถือ

4. ไม่รู้อะไร ให้ลูกน้องสอนบ้างก็ได้

ถึงคุณจะเป็นหัวหน้า แต่ก็ใช่ว่าคุณต้องรู้ทุกเรื่อง ไม่อย่างนั้นคุณจะจ้างคนที่เก่งในแต่ละด้านมาร่วมงานด้วยทำไม ซึ่งถ้าคุณมีอีโก้และไม่กล้าเอ่ยปากถามลูกน้อง หรือคนเก่ง ๆ ข้างกาย จะยิ่งทำให้คุณเสียเวลา และไม่ได้พัฒนาตัวเองสักที การที่คุณกล้าเอ่ยปากขอให้ลูกน้องสอนอะไรบางอย่าง นอกจากจะทำให้คุณเรียนรู้สิ่งนั้นได้ไวแล้ว ยังสร้างความสัมพันธ์อันดีให้คุณกับเขา ทำให้เขารู้สึกว่าคุณเป็นคนที่เปิดใจ กล้าจะรับฟังความเห็น หรือคำแนะนำจากคนอื่น

ซึ่งจุดอ่อนนี้ถ้าคุณไม่เอ่ยปากถามใคร มันจะอยู่กับคุณไปตลอด แต่ถ้าคุณกล้าจะยอมรับและขอให้คนที่เก่งจริงสอน มันจะอยู่กับคุณแค่ครั้งเดียว และคุณจะสามารถจัดการมันได้เองตลอดไป นี่คือทักษะที่จะทำให้คุณเป็นหัวหน้าที่เก่งขึ้นแน่นอน

5. กำหนดเวลาที่แน่นอนให้ทุกเป้าหมาย

ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตาม ทักษะที่สำคัญที่สุดที่ต้องมีคือ การคาดคะเนระยะเวลา และการกำหนดเวลาที่แน่นอนให้กับมัน เช่น ถ้าคุณตั้งใจจะพัฒนาทักษะภาษาที่ 3 ก็ควรตั้งเป้าไว้ว่าคุณจะต้องใช้เวลากี่เดือนถึงจะพูดได้ อ่านได้ ฟังได้ เมื่อได้ภาพรวมที่ใหญ่แล้ว ก็ให้กำหนดเป้าหมายระยะสั้นต่อลงมา ว่าใน 1 อาทิตย์คุณจะต้องพัฒนาไปยังไงบ้าง เป้าหมายคุณต้องถึงไหน และสุดท้ายก็มาสู่เป้าหมายรายวัน ว่าในวันหนึ่งคุณต้องทำอะไรเพื่อจุดหมายนั้น

การกำหนดระยะเวลาให้กับเป้าหมายแบบนี้จะทำให้คุณไม่เหนื่อยเกินไป ไม่ต้องทุ่มเททำทุกอย่างตอนใกล้เส้นตาย และทำให้คุณวัดผลความสำเร็จได้ล่วงหน้า วางแผน และเตรียมรับมือสิ่งต่าง ๆ ได้ทัน ซึ่งมันเป็นทักษะที่นำไปปรับใช้ได้กับทุกจุดมุ่งหมายเลยจริงๆ

6. รักษาสุขภาพอยู่เสมอ

นี่ก็นับว่าเป็นทักษะที่สำคัญที่ผู้ประกอบการต้องมีเช่นกัน หลายคนทำธุรกิจแล้วเกิดการหมกมุ่นมากจนเกินไป ทำงานแบบ 7 วันต่อสัปดาห์ไม่มีวันหยุดพักผ่อน เพื่อให้ธุรกิจดำเนินหน้าไปได้ด้วยดีแบบรวดเร็ว ซึ่งมันอาจทำให้ธุรกิจคุณประสบความสำเร็จได้ไวขึ้นก็จริง แต่มันไม่ยั่งยืนแน่นอน

เพราะเมื่อคุณทำงาน คุณจะไม่ได้ทำคนเดียว แต่จะต้องรบกวนพนักงานทั้งหลาย เช่น ขอข้อมูลส่วนต่างๆ ทักไปสอบถามเรื่องงานในวันหยุด หรือหนักหน่อยก็อาจจะให้พนักงานมาช่วยคุณด้วย ซึ่งมันเป็นฝันร้ายที่ไม่มีใครอยากเจอ

คุณควรวาง Work-Life Balance ให้ดี หาเวลาวันหยุดให้ตัวเองบ้าง นี่ก็เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องมี เพราะมันจะนำคุณสู่ความสำเร็จระยะยาว ไม่เจ็บ ไม่ป่วย มีเวลาให้คนรอบข้าง เมื่อทำงานได้อย่างมีความสุข ก็จะไม่เหนื่อย และไม่ต้องพักกับมันอีกต่อไป ช่วยให้งานของคุณพัฒนาไปได้ไกล และลูกน้องเองก็จะรักคุณ