การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ดูเหมือนว่าจะยังไม่คลี่คลายสักเท่าไหร่ทั้งในทวีปยุโรป, อเมริกา รวมถึงประเทศไทยที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องออกมาตรการอย่างเข้มวงดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด
ขณะนี้มีหลายบริษัทด้วยกันที่มีแนวทางการทำงานโดยให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงของการติดเชื้อลง หากพูดถึงการทำงานที่บ้านคงเชื่อว่าเป็นความฝันของใครหลายคน อาจจะด้วยปัจจัยสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็น ไม่ต้องตื่นเช้าเพื่อมาทำงาน, ประหยัดค่าใช้จ่ายเรื่องการเดินทาง รวมไปถึงความเป็นอิสระ มีสมาธิอยู่กับงานที่ทำมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม อีกด้านหนึ่งการทำงานที่บ้านก็มีข้อเสียอยู่เช่นกัน หากไม่มีวินัยกับตัวเองแล้วก็อาจทำให้คุณเสียการเสียงานได้
David Hassell ผู้ร่วมก่อตั้ง และซีอีโอของ 15Five บริษัทผู้ให้บริการด้านซอฟต์แวร์ ซึ่งมีพนักงาน 40% ทำงานจากที่บ้าน กล่าวว่า ตนคิดว่าสิ่งที่สำคัญมากที่สุดที่มักประเมินต่ำไปเวลาทำงานอยู่ที่บ้าน คือผลกระทบทางด้านจิตใจเมื่อต้องทำงานอยู่เพียงลำพัง
ดังนั้น เรามาดู 6 วิธีทำอย่างไรให้การทำงานอยู่ที่บ้านของพนักงานมีประสิทธิภาพที่สุด ไม่รู้สึกว่าทำงานเพียงลำพัง หรือเหงาจนเกินไป
1.หาเวลาพักเบรกบ้าง
ในความเป็นจริง แทบไม่มีใครทำงานตามเวลาจริงครบ 8 ชั่วโมงในออฟฟิศ เพราะพนักงานล้วนต้องมีเวลาพักเบรก ไม่ว่าจะเป็น ดื่มกาแฟ, รับประทานอาหารกลางวัน และพูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน เหล่านี้จะช่วยสร้างความผ่อนคลายจากงานที่ทำ
หากคุณต้องทำงานอยู่ที่บ้านไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีเวลาพักเบรก
David Rabin รองประธานฝ่ายการตลาดเชิงพาณิชย์ของ Lenovo กล่าวว่า มีแนวโน้มที่พนักงานจะทำงานตลอดทั้งวัน เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกกล่าวหาว่าไม่ได้มาทำงานที่ออฟฟิศ แต่การมีเวลาหยุดพักจากการทำงานชั่วคราวจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานมากขึ้น
เช่นเดียวกับ Julie Morgenstern ที่ปรึกษาด้านการจัดการองค์กร กล่าวว่า การหยุดทำงานชั่วคราวไม่ได้ทำให้ประสิทธิภาพของงานลดลงแต่อย่างใด การพักเบรกเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของงาน ซึ่งจะช่วยให้คุณฉลาดขึ้น และช่วยค้นพบมุมมองใหม่ ๆ
2.ทำโครงสร้างการทำงาน
แน่นอนว่าการทำงานที่ย่อมต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากสถานที่ทำงานมีสภาพแวดล้อมแตกต่างไปจากเดิม หากคุณยังทำงานอยู่ในออฟฟิศรอบ ๆ ตัวคุณก็จะประกอบไปด้วย โต๊ะ, เก้าอี้, ห้องทำงาน, ห้องประชุม แต่เมื่อทำงานอยู่ที่บ้านคุณไม่จำเป็นต้องนั่งอยู่ในจุดเดิม ๆ ทั้งวัน
Julie Morgenstern แนะนำว่าคุณอาจสร้างสภาพแวดล้อมที่ตัวคุณชื่นชอบขึ้นมา มีมุมเงียบ ๆ ภายในตัวบ้านสำหรับให้คุณนั่งคิด วิเคราะห์ หรือจะเปลี่ยนออกมานั่งบริเวณหน้าบ้านเพื่อทำงานเอกสาร หรือตอบอีเมล ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการทำงาน
“ที่สำคัญคุณไม่ควรลืมที่จะสร้างพื้นที่ปลอดการทำงานภายในบ้าน โดยต้องไม่มีการทำงานเกิดขึ้นแต่อย่างใด เพราะมันเป็นเรื่องยากที่คุณจะพักผ่อนใช่วงเวลากลางคืน หากคุณใช้พื้นที่ดังกล่าวเริ่มต้นทำงาน”
3.นำเวลาเดินทางมาใช้ทำอย่างอื่น
ข้อดีของการทำงานที่บ้าน คือไม่ต้องเสียเวลาเดินทางมาทำงาน แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะทำงานเร็วขึ้นกว่าเดิม
Julie Morgenstern แนะนำว่าคุณควรใช้เวลาเดินทางในตอนเช้าอยู่กับตัวเอง หรือครอบครัว อย่าเพิ่งเริ่มต้นทำงานทันที
4.จัดตารางเวลาที่ชัดเจน
Julie Morgenstern เตือนว่าการทำงานจากที่บ้านไม่ได้หมายความว่าคุณต้องทำงานมากกว่าเดิม ลองบอกกับหัวหน้า และเพื่อนร่วมงานให้เคลียร์ว่าตารางชีวิตของคุณมีอะไรบ้าง พอหมดเวลาการทำงานก็ควรเก็บอุปกรณ์ทั้งหมดโดยทันที แล้วเปลี่ยนชุดเป็นการส่งสัญญาณว่าถึงช่วงที่จะใช้เวลาส่วนตัว อีกทั้งคุณควรมีการพูดคุยกับสมาชิกภายในบ้านด้วยว่างานระหว่างวันมีอะไรบ้าง
“การทำโครงสร้างการทำงานในแต่ละวัน จะช่วยให้สามารถแบ่งเวลาได้อย่างเหมาะสม”
5.เปลี่ยนมาแชทบ้าง
ช่วงระหว่างวันของการทำงานคุณอาจจะวิดีโอคอลเพื่อประชุม หรือพูดคุยสร้างปฏิสัมพันธ์ และหลีกเลี่ยงการอยู่ลำพัง เช่น บริษัท 15Five มีการประชุม 3 ครั้ง/สัปดาห์ แม้ว่าพนักงานจะทำงานจากที่บ้าน หรือออฟฟิศ
David Hassell กล่าวว่า เราสามารถเห็นหน้าพนักงานทุกคนผ่านแลปท็อป หรือโทรศัพท์มือถือของตัวเอง
6.ใช้โซเชียลมีเดียให้เป็นประโยชน์
การทำงานจากที่บ้านหมายความว่าคุณจะไม่มีโอกาสได้เจอหน้าเพื่อนร่วมงาน จึงทำให้บทสนทนาต่าง ๆ ที่มีมาอาจต้องหยุดชะงักไป
Julie Morgenstern กล่าวว่าแม้จะทำงานอยู่ที่บ้าน แต่ปฏิสัมพันธ์สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ไม่เพียงแค่ใช้ติดตามงานระหว่างกันเท่านั้น ยังรวมใช้พูดคุย เปิดบทสนทนาเพื่อระดมสมองในการคิดงานได้อีกด้วย
ที่มา: CNN