รวมมาตรการเยียวยาของภาครัฐฯ ที่ช่วยเหลือประชาชนจากผลกระทบโควิด-19


การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยเป็นอย่างมาก ตลอดจนวิถีชีวิตของประชาชนที่ต้องมีการปรับเปลี่ยนไป เพื่อป้องกันตัวเอง

สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบ เรียกได้ว่าอาจจะครอบคลุมทุกภาคส่วนตั้งแต่ ผู้ประกอบการธุรกิจ, พนักงานออฟฟิศ, แรงงานทั่วไป ดังนั้น รัฐบาลจึงออกมาตรการช่วยเหลือให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ซึ่งแบ่งรายละเอียดดังต่อไปนี้

การไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค

  • ลดค่าไฟฟ้าร้อยละ 3 สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าทุกประเภทเป็นระยะเวลา 3 เดือน (เมษายน-มิถุนายน 2563)
  • ขยายระยะเวลาการชำระค่าไฟฟ้า สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทกิจการเฉพาะอย่าง (ธุรกิจโรงแรม และกิจการให้เช่าพักอาศัย) โดยไม่คิดดอกเบี้ย
  • คืนเงินประกันการใช้ไฟฟ้า

การประปานครหลวง และการประปาส่วนภูมิภาค

  • ลดค่าน้ำประปาร้อยละ 3 ให้กับผู้ใช้น้ำทุกประเภท เป็นระยะเวลา 3 เดือน (เมษายน-มิถุนายน 2563)
  • ขยายระยะเวลาการชำระค่าน้ำประปา สำหรับผู้ใช้น้ำที่จดทะเบียนประกอบธุรกิจโรงแรม และกิจการให้เช่าพักอาศัย โดยไม่คิดดอกเบี้ย สามารถผ่อนชำระได้ไม่เกิน 6 เดือน
  • คืนเงินประกันมิเตอร์น้ำ

สำนักงานประกันสังคม

  • ผู้ประกันตนในมาตรา 33 นายจ้าง-ลูกจ้าง ปรับลดอัตราเงินสมทบจากร้อยละ 5 เหลือร้อยละ 4 กำหนดระยะเวลา 6 เดือน (มีนาคม-สิงหาคม 2563)
  • ผู้ประกันตนในมาตรา 39 ปรับลดอัตราเงินสมทบจากจ่าย 432 บาท/เดือน เป็นจ่าย 336 บาท/เดือน กำหนดระยะเวลา 6 เดือน (มีนาคม-สิงหาคม 2563)

กรมสรรพากร

  • ลดอัตราภาษีหัก ณ ที่จ่าย จาก 3% เหลือ 1.5% ตั้งแต่เดือนเมษายน-กันยายน 2563
  • SME ที่เข้าร่วมมาตการซอฟต์โลนของรัฐบาล สามารถหักรายจ่ายดอกเบี้ยเพิ่ม 1.5 เท่า
  • นำรายจ่ายค่าจ้างพนักงานมาหักรายจ่ายได้ 3 เท่า
  • คืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ให้ผู้ส่งออกภายใน 15 วัน
  • ลงทุนในกองทุนเพื่อการออม (SSF) ลดหย่อนภาษีเพิ่ม 200,000 บาท
  • บุคคลธรรมดาที่บริจาคเงินช่วยโควิด-19 ผ่านทาง e-Donation สามารถหักลดหย่อนได้ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลักหักค่าใช้จ่าย
  • บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่บริจาคเงินหรือทรัพย์สินช่วยโควิด-19 สามารถหักรายจ่ายได้ไม่เกิน 2% ของกำไรสุทธิ
  • ผู้ประกอบการ VAT ที่บริจาคทรัพย์สินช่วยโควิด-19 จะได้รับยกเว้น VAT ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 5 มี.ค.2563-5 มี.ค.2564