ทำไมธุรกิจยุคนี้ต้องทรานส์ฟอร์มถึงจะอยู่รอด
การทำธุรกิจสมัยนี้ เราไม่อาจทำแบบเดิม ขายแบบเดิม บริหารแบบเดิมได้อีกต่อไป เพราะความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่มีความทันสมัยมากขึ้นจึงเข้ามาเปลี่ยนแปลง ทำให้ธุรกิจที่ทำอยู่ดียิ่งขึ้น
นี่คือเนื้อหาบางส่วนใน Facebook Page: Covid-19 Thailand Fact ในเนื้อหาเรื่อง “เรียนรู้โรค โควิด-19 จึงสู้ชนะครับ!” เขียนโดยนายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ ที่ปรึกษาระดับกระทรวงสาธารณสุข (10) เป็นความรู้เกี่ยวกับโควิด-19 ที่คนไทยควรจะเรียนรู้เอาไว้
1. ระยะฝักตัว
หลังร่างกายได้รับเชื้อโควิด 19 ส่วนใหญ่จะแสดงอาการภายในวันที่ 5 ภายหลังจากการรับเชื้อ ระยะของการฝักตัว (เมื่อได้รับเชื้อจนมีอาการป่วย) ~ 1-14 วัน
2. ความสามารถในการแพร่กระจาย
ผู้ป่วย 1 คนแพร่โรคได้ ~ 2.5 คน
-บางกรณีที่มีผู้แพร่โรคให้กับคนอื่นได้มากกว่าปกติ หรือที่เรียกว่า “super spreader” และการแพร่ระบาดเป็นกลุ่มก้อนขนาดใหญ่ความสามารถในการแพร่โรคจะสูงขึ้น เช่น สนามมวย สถานบันเทิง ซึ่งในช่วงนั้นประเทศไทยมีค่าความสามารถในการแพร่โรคอยู่ที่ ผู้ป่วย 1 คนแพร่โรคได้ ~ 3.6 คน
-ขณะนี้ประเทศไทยมีค่าความสามารถในการแพร่โรค ผู้ป่วย 1 คนแพร่โรคได้ ~ 1-2 คน
3. ช่องทางการติดต่อของโรค
-ได้รับเชื้อไวรัสโดยตรง เมื่ออยู่ในระยะใกล้ชิดกับผู้ป่วย และมีผู้ที่ไอหรือจาม ที่ไม่มีการป้องกันตนเอง
-ผู้ป่วยไอ, จาม และมีละอองเชื้อฝอยทิ้งไว้ในพื้นผิวสัมผัสทั่วไป แล้วผู้อื่นก็มาจับละอองฝอยเชื้อเข้าสู่ร่างกายด้วยการนำมือสัมผัสส่วนต่าง ๆ ของใบหน้า เช่น ปาก จมูก ตา
4. กลุ่มคนที่เกี่ยวข้อง
-กลุ่มผู้ป่วย (ที่มีอาการคล้ายไข้หวัด) ต้องสวมหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ซึ่งสามารถลดการแพร่กระจายของละอองเชื้อได้ถึงร้อยละ 97 เนื่องจากปริมาณละออง ความเร็ว ระยะทางที่เคลื่อนที่ไปได้จะลดน้อยลง ล้างมือ และทบทวนประวัติเสี่ยง ไปพบแพทย์ “ต้องเล่าความจริงทั้งหมด” ครับ
-ผู้ที่ยังไม่ป่วย แนะนำให้สวมหน้ากากชนิดผ้า เพื่อป้องกัน รวมถึงการทำความสะอาดพื้นผิวด้วยการเช็ดน้ำยาฆ่าเชื้อต่าง ๆ และหลีกเลี่ยงการนำมือสัมผัสใบหน้าบ่อย ๆ และหมั่นล้างมือให้สะอาด
5. อายุของเชื้อไวรัสโควิด-19
โดยทั่วไปจะอยู่ในสภาพแวดล้อม ประเทศไทยอากาศร้อน อยู่ได้ ~ 6 ชั่วโมง และสูงสุด ~ 24-72 ชั่วโมง ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับลักษณะพื้นผิวและอุณหภูมิ หากอุณหภูมิสูงเชื้อจะมีอายุที่สั้นลง
6. อาการของโรคโควิด-19
7. กลุ่มเสี่ยงเมื่อมีอาการของปอดอักเสบ
8. ความรุนแรงของโรค
-ในผู้ติดเชื้อ 100 คน พบว่า 80 เป็นผู้ป่วยมีอาการน้อยถึงน้อยมาก สามารถหายได้เอง โดยไม่จำเป็นต้องรับยาต้านไวรัส และ 30 คนใน 80 คน เป็นการติดเชื้อและมีภูมิคุ้มกันแต่ไม่มีอาการ นับว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่หากจะดีที่สุดคือการไม่ติดเชื้อเลย
-ในผู้ติดเชื้อ 100 คน พบว่า 20 คน เป็นผู้ป่วยที่อาจจะต้องเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาล
-5 คนใน 20 คน จะมีอาการรุนแรงและจะต้องได้รับการรักษาพยาบาลในกรณีพิเศษ
9. อัตราการการเสียชีวิต
เฉลี่ยคือ ผู้ป่วย 100 ราย จะมีผู้ที่เสียชีวิตร้อยละ 1.4 แต่ความรุนแรงของการเสียชีวิตจะแตกต่างกัน น่าจะน้อยกว่า ร้อลละ 1
10. ยาที่ใช้ในการรักษา
ขณะนี้มีการใช้ยาต้านไวรัสในการรักษาตามอาการ ได้แก่ Favipiravir ที่เป็นยาหลัก Remdesivir อยู่ในขณะศึกษาวิจัย ส่วนยากลุ่มเสริมคือ Lopinavir+Ritonavir / Darunavir+ Ritonavir เป็นยาต้านไวรัสเอดส์ และ Cloroquine ซึ่งเป็นยารักษาโรคมาลาเรีย โดยในปัจจุบันยังไม่มีวัคซีน และในหลายประเทศได้เร่งทำการศึกษาวิจัยอยู่
สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คนไทยเอาชนะโควิด-19
1. ลดและชะลอการติดเชื้อให้มากที่สุด
คนติดเชื้อมากคนก็ตายมาก เช่น ถ้าติดเชื้อ จำนวน 1,000,000 คนพร้อมๆ กัน จะมีคนตาย ~ 20,000-100,000 คน เพราะระบบและหมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่ รับมือไม่ได้ และหมอพยาบาลอาจตายร่วมด้วย
2. ค้นหาผู้ป่วยเชิงรุก
บุกกลุ่มเสี่ยง และตรวจ lab ~ 25,000 – 50,000 คน กรุณาอย่ากลัวพบผู้ป่วยมาก เราต้องบุก ค้น และตรวจให้มาก จำนวนผู้ป่วยไม่ใช่ความผิด แต่เราต้องรู้ความจริง เพื่อตีวงกลุ่มเสี่ยงเพื่อควบคุมโรคแบบเด็ดขาดครับ นี่คือ “หมัดน๊อก
3. ร่วมแรงร่วมใจ
พลังความร่วมมือทุกคน ปฏิบัติตามมาตรการที่แนะนำ ถ้าทำได้มากกว่า ร้อยละ 90 เราชนะแน่นอนครับ
อ้างอิง: Facebook Page: Covid-19 Thailand Fact