รู้จัก “ฉลากเขียว” เครื่องหมายช่วยสะท้อนความยั่งยืนของแบรนด์ต่อสิ่งแวดล้อม
ฉลากเขียวของประเทศไทย ริเริ่มขึ้นโดยองค์กรธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Thailand Business Council for Sustainable Development, TBCSD)
หลาย ๆ คนคงเคยคิดสงสัยใช่ไหมครับว่า การทำงานที่ร้านกาแฟอย่างที่ใคร ๆ ชอบทำกันทุกวันนี้ มันทำให้ได้งานจริงไหม
…เพราะในร้านกาแฟนั้นนอกจากสิ่งล่อตาล่อใจที่คอยทำให้จิตใจเราหลุดโฟกัสกับงานตรงหน้ามันจะมีเยอะมากมายแล้ว ไหนจะต้องมาคอยทนฟังเสียงคุยกันจอแจของคนรอบข้างอีก ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่เบาๆ เลยล่ะครับสำหรับการนั่งทำงานแบบนี้ พลอยให้คิดไปว่าคนที่ไม่มีสมาธิดีจริง ๆ จะเข้าไปทำงานในร้านกาแฟได้เหรอ?
ในขณะเดียวกันการนั่งทำงานในออฟฟิศนั้นได้ทั้งความเงียบสงบ ทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน แถมยังมีเพื่อนร่วมงานที่คอยอยู่เคียงข้างกันอีกต่างหาก แบบนี้การทำงานในออฟฟิศต้องดีกว่านั่งทำงานในร้านกาแฟแน่นอน..
เชื่อไหมว่าคุณกำลังเข้าใจผิด เพราะมีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์มากมายที่บอกให้เรารู้ว่า การทำงานในร้านกาแฟนั้นทำให้งานออกมามีประสิทธิภาพมากกว่าการนั่งทำงานในออฟฟิศมาก ๆ เลย
เหตุผลที่การทำงานในออฟฟิศ ไม่ได้ผลลัพธ์ดีเท่าการทำในร้านกาแฟ
บรรยากาศของออฟฟิศนี่แหละ ที่เป็นตัวทำลายสมาธิชั้นดี เพราะกระบวนการการทำงานแบบใกล้ชิดเพื่อนร่วมงานมากเกินไป จับทุกแผนกมารวมไว้ในที่เดียวกันเพื่อเป็นการประหยัดพื้นที่สำนักงาน ทำให้ทุกอย่างมันแย่ไปหมด เพราะการคุยกันของคนรอบข้าง หรือแม้แต่การคุยโทรศัพท์เพื่อติดต่อเรื่องงาน ทั้งหมดนี้มันทำให้พนักงานคนอื่นหลุดโฟกัสการทำงานได้อย่างง่ายดาย และเมื่อคนจำนวนมากที่รู้จักกันมาอยู่ด้วยกันในพื้นที่เดียวกัน ทำให้เกิดการพูดคุย หยอกล้อ หรือเม้ากันตลอดเวลา ส่งผลให้งานที่เคยคิดว่าจะได้ประสิทธิภาพ หรือจะทำเสร็จได้ไว กลับล้มไม่เป็นท่า
เสียงรบกวนต่างกัน
ถึงตรงนี้หลาย ๆ คนอาจเกิดความสงสัยว่าการทำงานในร้านกาแฟก็มีเสียงดังเช่นกัน แตกต่างจากการทำงานในออฟฟิศยังไง ถึงแม้ร้านกาแฟจะมีเสียงพูดคุยของผู้คนดังหนาหูพอ ๆ กับการทำงานในออฟฟิศ แต่เสียงเหล่านั้นจะไม่ได้รับการโฟกัสจากเรา แถมยังกลับเป็นสิ่งที่จะกระตุ้นให้เรามีสมาธิมากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
ซึ่งกลุ่มนักวิจัยได้ทดลองให้พนักงานนั่งทำงานในสภาพแวดล้อมที่ต่างกันออกไป ผลปรากฏว่ากลุ่มที่ต้องทำงานในระดับเสียง 70 เดซิเบล หรือก็คือระดับเสียงของการนั่งทำงานในร้านกาแฟนั้น ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่ากลุ่มอื่น ๆ
และยิ่งกว่านั้นคือ การที่ได้ยินบทสนทนาของคนรอบข้างนั้นจะแตกต่างกันออกไป ถ้าเป็นคนที่เรารู้จัก เราจะเกิดการใส่ใจ และอยากรับรู้ว่าเขาเหล่านั้นพูดถึงเรื่องอะไร แต่เมื่อเป็นการนั่งที่ร้านกาแฟ และมีเสียงจอแจจากคนที่เราไม่รู้จัก เราจะไม่เกิดการโฟกัสในสิ่งที่เขาเหล่านั้นพูด และกลายเป็นว่าเสียงดังเหล่านั้นกลับเป็นเสียงแบคกราวด์ที่ช่วยให้เรามีสมาธิจดจ่ออยู่กับตัวเอง
คุณว่าจริงไหม?…