รู้จัก “ฉลากเขียว” เครื่องหมายช่วยสะท้อนความยั่งยืนของแบรนด์ต่อสิ่งแวดล้อม
ฉลากเขียวของประเทศไทย ริเริ่มขึ้นโดยองค์กรธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Thailand Business Council for Sustainable Development, TBCSD)
วันที่ 5 มิถุนายน 2563 หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทดสอบความพร้อมเปิดให้บริการประชาชนใช้รถไฟฟ้า บีทีเอส ส่วนต่อขยายสายสีเขียว “หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต” เพิ่มเติมอีก 4 สถานี ประกอบด้วย สถานีกรมป่าไม้, สถานีบางบัว, สถานีกรมทหารราบที่ 11 และสถานีวัดพระศรีมหาธาตุ ทั้งนี้ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย จะเปิดให้ประชาชนเริ่มใช้บริการได้ตั้งแต่เวลา 13.30 น. เป็นต้นไป
สำหรับรูปแบบการเดินรถ แบ่งระยะเวลาการให้บริการเป็น 2 ช่วงหลัก คือ ช่วงเวลาเร่งด่วนเช้า ตั้งแต่เวลา 07.00 – 09.00 น. และช่วงเวลาเร่งด่วนเย็น ตั้งแต่เวลา 16.30 – 20.00 น. ในวันจันทร์-ศุกร์
ทั้งนี้ การให้บริการระหว่างสถานีหมอชิต (N8) ถึงสถานีสำโรง (E15) จะมีความถี่ระหว่างขบวน 2 นาที 25 วินาที ส่วนความถี่การให้บริการระหว่างสถานีหมอชิต (N8) ถึงสถานีวัดพระศรีมหาธาตุ (N17) รวมถึงความถี่การให้บริการระหว่างสถานีสำโรง (E15) ถึงสถานีเคหะฯ (E23) จะมีระยะห่างระหว่างขบวน 4 นาที 50 วินาที โดยจะมีขบวนรถวิ่งสลับกันให้บริการ
ประชาชนผู้ใช้บริการ รถไฟฟ้าบีทีเอสสายสีเขียว สามารถสังเกตจากป้ายด้านหน้า และด้านข้างขบวนรถ รวมทั้งรับฟังเสียงประกาศบนชั้นชานชาลา ในขบวนรถ และอ่านจอประกาศบนสถานี สำหรับช่วงนอกเวลาเร่งด่วน ในวันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 09.00–16.30 น. และเวลา 20.00–ปิดให้บริการ วันเสาร์และวันอาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ รถทุกขบวนจะวิ่งตั้งแต่สถานีเคหะฯ ถึงสถานีวัดพระศรีมหาธาตุ โดยจะมีความถี่ประมาณ 6 นาที 30 วินาที
สำหรับการเปิดเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยาย จากสถานีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ถึงสถานีวัดพระศรีมหาธาตุ จะช่วยแก้ปัญหาการจราจร บนถนนพหลโยธิน ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากในเส้นทางดังกล่าวมีทั้งสถานศึกษา หน่วยงานราชการ บ้านเรือนและอาคารที่พักอาศัยหนาแน่นตลอดเส้นทาง