“เอ็กซิมแบงก์” เปิด 6 ยุทธศาสตร์ เสริมแกร่งเอสเอ็มอีสู่โลกธุรกิจยุคดิจิทัล


“เอ็กซิมแบงก์” วาง 6  ยุทธศาสตร์ ขับเคลื่อนองค์กรและผลักดันการค้าระหว่างประเทศของเอสเอ็มอีไทย เน้นยกระดับศักยภาพ กระโดดสู่โลกการค้ายุคดิจิทัล  สอดคล้องนโยบาย Thailand 4.0 แจงผลงานปี 59   มีกำไรสุทธิ 1,304 ล้านบาท มี ณ สิ้นเดือน ธ.ค. 83,169ล้านบาท  

 

นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) เผยว่า ปีนี้ (2560) ธนาคารได้วาง 6 ยุทธศาสตร์หลัก ในการขับเคลื่อนและส่งเสริมธุรกิจนำเข้าและส่งออกของผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะระดับเอสเอ็มอี ให้บรรลุเป้าหมายระยะยาวตามแผนแม่บท 10 ปี (ปี 2560-2570)  ได้แก่ 

1.ส่งเสริมการค้าและการลงทุนด้วยการสร้างความต้องการสินค้าและบริการของไทยในประเทศตลาดหลักและประเทศตลาดใหม่ 

2.เป็นที่ปรึกษาและสนับสนุนทางการเงินให้แก่โครงการลงทุนของรัฐและเอกชนไทยในต่างประเทศ โดยเฉพาะในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง

3.ขยายตลาดรับประกันการส่งออกและลงทุน 

4.ส่งเสริมการค้าและการทำธุรกรรมออนไลน์ เพื่อช่วยผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะเอสเอ็มอีเข้าสู่โลกการค้าดิจิทัลได้อย่างประสบความสำเร็จและแข่งขันได้ 

5.สนับสนุนด้านความรู้และการเงินให้เอสเอ็มอีที่มีศักยภาพ และ 6.เพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลการดำเนินงาน โดยยึดหลักธรรมาภิบาลและความรับผิดชอบต่อสังคม รวมถึง พัฒนาบุคลากรรุ่นใหม่เพื่อทำงานร่วมกับภาครัฐ ในการเป็นหักหอกของผู้ประกอบการไทย

“ในปี 2560 นี้ ธนาคาร จะเริ่มต้นดำเนินงานตามแผนแม่บท 10 ปี โดยมีเป้าหมายจะเป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจชั้นนำระดับโลกที่เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การค้าและการลงทุนระหว่างประเทศของไทย สอดคล้อง Thailand 4.0 แผนยุทธศาสตร์ 20ปีของประเทศ และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 ระหว่างปี 2560-2564” นายพิศิษฐ์ กล่าว

กก.ผจก.เอ็มซิมแบงก์ เผยด้วยว่า สำหรับผลการดำเนินงานของธนาคารในปี 2559  ที่ผ่านมา มีกำไรสุทธิ 1,304 ล้านบาท ช่วยให้ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะเอสเอ็มอี แข่งขันได้มากขึ้น ทั้งการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ โดยสิ้นเดือนธันวาคม 2559 มีเงินให้สินเชื่อคงค้าง 83,169 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2558 จำนวน 9,630 ล้านบาท ซึ่งเป็นสินเชื่อใหม่ที่เบิกจ่ายเพิ่มขึ้นระหว่างปี  25,327ล้านบาท และมีการชำระคืนของสินเชื่อเดิมบางส่วน ทำให้เกิดปริมาณธุรกิจ 133,993 ล้านบาท โดยเป็นปริมาณธุรกิจของเอสเอ็มอีเท่ากับ 86,497 ล้านบาท และมีเงินให้สินเชื่อคงค้างแก่เอสเอ็มอี 35,031 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,848 ล้านบาท หรือร้อยละ 20.04 เมื่อเทียบกับปีก่อน