ก.อุต จับมือพันธมิตร ดันเอสเอ็มอีสู่ตลาดหลักทรัพย์


ก.อุตฯ ลงนามความร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตร เดินหน้าผลักดันเอสเอ็มอีที่มีศักยภาพเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ  ระบุพร้อมช่วยเหลือครบวงจรตั้งไข่ถึงสยายปีก  ด้าน ตลท.วางเป้าอย่างต่ำ 20 ราย มูลค่าหลักทรัพย์ 2 หมื่นล้านบาท

 

นางสาวนิสากร จึงเจริญธรรม รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน ประกอบด้วย กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) หอการค้าไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ลงนามบันทึกความตกลง ในโครงการผลักดันเอสเอ็มอีเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ  (mai)

 

ทั้งนี้  ขั้นตอนดำเนินการ พันธมิตรทุกรายจะร่วมมือกันช่วยเหลือเอสเอ็มอีอย่างครบวงจร ตั้งแต่พารับการฝึกอบรม มีกระบวนการให้คำปรึกษา การปรับโครงสร้างบริษัท เพื่อคัดเลือกเอสเอ็มอีที่มีความพร้อม และศักยภาพ สามารถจดทะเบียนในตลาดเอ็มเอไอ เช่น  สสว.พร้อมสนับสนุนเอสเอ็มอี 26 ราย และนำสุดยอดเอสเอ็มอีที่มีศักยภาพ 3 รายต่อจังหวัด เพิ่มเป็น 6 รายในปี 2560 นำมาส่งเสริมกระจายหุ้นในตลาดเอ็มเอไอ ด้วยต้นทุนเหมาะสม เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน   ส่วน ตลท. และพันธมิตร ส่งเจ้าหน้าที่อบรมในทางปฏิบัติแก่ผู้ประกอบการ ทั้งการบริหารจัดการ และการคำนึงถึงการดูแลสิ่งแวดล้อม สังคม เพื่อการเติบโต และสร้างผลตอนแทนให้หุ้นส่วนอย่างยั่งยืน   ขณะที่ ส.อ.ท.จะผลักดันเอสเอ็มอีที่เป็นสมาชิกกว่า 1,000 รายเข้าระดมทุนในตลาดเอ็มเอไอ และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พร้อมสนับสนุนธุรกิจแฟรนไชส์ที่มีศักยภาพ 30 ราย เข้ากระจายหุ้นในตลาดเอ็มเอไอ ใน 3 ปีข้างหน้า เป็นต้น

 

ด้านนายสันติ กีระนันท์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า  การเข้าตลาดหลักทรัพย์ของธุรกิจเอสเอ็มอีจะช่วยระดมได้เงินทุนในต้นทุนเหมาะสม และยังมีกลไกการบริหารงานให้เติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งกลยุทธ์การลงทุน ตลอดจนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ

ทั้งนี้  ในปี 2560 ตลาดหลักทรัพย์ตั้งเป้าว่า จะมีบริษัทระดับเอสเอ็มอี ไม่น้อยกว่า 20 บริษัทเข้าจดทะเบียนตลาดเอ็มเอไอ มูลค่าหลักทรัพย์รวมประมาณ 2 หมื่นล้านบาท

ปัจจุบันมีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จำนวน 660 บริษัท โดยอยู่ในตลาดเอ็ม เอ ไอ จำนวน 150 บริษัท ทั้งนี้ หลักเกณฑ์บริษัทที่จะเข้าตลาดเอ็มเอไอ  ต้องเป็นบริษัทที่มีทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาทขึ้นไป ดำเนินธุรกิจมาไม่น้อยกว่า 2 ปี และมีกำไรปีล่าสุด10 ล้านบาทขึ้นไป