กสอ. ผุดสารพัดโครงการพาเอสเอ็มอีขยายตลาดทั้งพาเข้าขายในห้างฯ ร้านสะดวกซื้อ และออนไลน์ ควบคู่สร้างแบรนด์ และปรับบรรจุภัณฑ์ตอบความต้องการลูกค้าให้โดนใจ ส่วนกองทุน 20,000 ล้าน อยู่ระหว่างคณะกก.พิจารณาเงื่อนไขผู้ได้รับสิทธิ์
นายพรเทพ การศัพท์ รองอธิบดี กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) เปิดเผยว่า หนึ่งในปัญหาสำคัญของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี คือ ขาดช่องทางตลาด รวมถึงขาดความรู้และความเข้าใจในการทำตลาด ทางกรมฯ จึงมุ่งส่งเสริมการเพิ่มช่องทางการตลาด ทั้งในรูปแบบออฟไลน์ ออนไลน์และช่องทางการขายต่าง ทั้งไฮเปอร์มาร์ท ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ ร้านสะดวกซื้อ ฯลฯ อีกทั้งการสร้างแบรนด์ การออกแบบบรรจุภัณฑ์ เพื่อพัฒนาสินค้าให้ตรงต่อความต้องการของผู้บริโภคด้วย
ทั้งนี้ ในปี 2560 กสอ. มีโครงการพาเอสเอ็มอีเข้าสู่ช่องทางตลาดใหม่ ๆ กว่า 10 โครงการ เช่น โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด โครงการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารแปรรูป โครงการเพิ่มผลิตภาพวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในภาคอุตสาหกรรม ประกอบด้วยกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การให้คำปรึกษาในด้านการออกแบบพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์การประเมินสินค้า การจัดกิจกรรมสำรวจตลาด การกำหนดกลยุทธ์การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การจัดกิจกรรมทดสอบตลาดและการปรับปรุงกระบวนการผลิต พร้อมทั้งยังเร่งผลักดันให้ผู้ประกอบการรายใหม่ ๆ ที่มีประสิทธิภาพได้ก้าวสู่ช่องทางการค้าในระดับที่กว้างและสูงขึ้น เพื่อสร้างโอกาสทางการตลาดและส่งเสริมการขายให้ผู้ประกอบธุรกิจได้มีการพัฒนาศักยภาพตนเองอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนการผลักดันผลิตภัณฑ์หรือสินค้าให้สามารถเข้าสู่ตลาดระดับบนเพื่อต่อยอดธุรกิจให้เติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนั้น ส่งเสริมช่องทางผ่านทางออนไลน์ โดย กสอ.ร่วมมือกับเว็บไซต์อาลีบาบาดอทคอม (Alibaba.com) และบริษัทเรดี้แพลเน็ต จัดกิจกรรมจับคู่ SMEs ในรูปแบบ B2B ผ่านเว็บไซต์ Alibaba.com รวมถึงความร่วมมือทางด้านการค้าและเศรษฐกิจระหว่างประเทศไทยและฮ่องกง ในการเผยแพร่รายชื่อผู้ประกอบการและสินค้าไทยในเครือข่ายของกสอ. บนเว็บไซต์ www.hktdc.com เพื่อประชาสัมพันธ์สินค้าและอุตสาหกรรมไทยสู่กลุ่มผู้ประกอบการฮ่องกงและจีน นอกจากนี้ยังได้เตรียมผลักดันผู้ประกอบการในการเข้าสู่โครงการตลาดต่อยอด หรือ เออีซี เทรดดิ้ง เซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นช่องทางการค้าแห่งใหม่ที่สามารถเชื่อมโยงผู้ประกอบการและผู้บริโภคได้ถึง 700 ล้านคน
นายพรเทพ เผยด้วยว่า สำหรับกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอี วงเงิน 20,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก (Local Economy) นั้น ซึ่งอยู่ภายใต้การรับผิดชอบของกระทรวงอุตสาหกรรม ขณะนี้ อยู่ระหว่างที่คณะกรรมการกองทุน ซึ่งประกอบด้วยภาครัฐและเอกชน ร่วมกันวางเงื่อนไขรายละเอียดของการพิจารณาอนุมัติเงินกองทุนดังกล่าว ทั้งในด้านของอัตราดอกเบี้ย วงเงินอนุมัติต่อราย รวมถึง เกณฑ์ของเอสเอ็มอีที่จะได้รับสิทธิ์ เป็นต้น