อธิบดี กสอ.แนะผู้ประกอบการเครื่องหนังไทย ยกระดับสินค้ามุ่งจับตลาดกลางและบน ฉีกหนีคู่แข่งด้านคุณภาพและดีไซน์ ระบุหนังจระเข้ งู และปลากระเบน สุดฮิตในต่างแดน ตั้งเป้าปีนี้ ผลักดันยอดขายโตถึง 60,000 ลบ.
ดร.พสุ โลหารชุน อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กล่าวในการเป็นประธานเปิดงาน “แฟนพันธุ์แท้เครื่องหนังไทย” ว่า ปัจจุบัน อุตสาหกรรมเครื่องหนังมีการแข่งขันรุนแรงมากขึ้น ทั้งคู่แข่งจากตลาดในประเทศและต่างประเทศ ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยต้องปรับเปลี่ยนจากการผลิตสินค้าระดับล่าง สู่การผลิตสินค้า เพื่อตลาดระดับกลางและบนมากขึ้น โดยใช้การพัฒนาและออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ทันสมัยอิงตามกระแสแฟชั่นและควบคุมคุณภาพให้ได้มาตรฐานเป็นที่ต้องการของตลาด รวมถึง ลดต้นทุนในส่วนที่ไม่ใช่ค่าจ้างแรงงาน พร้อมนำวัตถุดิบต่างๆ มาต่อยอดเพิ่มมูลค่าแก่สินค้า ควบคู่กับสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก
สำหรับปีที่ผ่านมา (2559) อุตสาหกรรมเครื่องหนังสามารถสร้างรายได้กว่า 54,000 ล้านบาท หรือ 1,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับ 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีความสำคัญ ประกอบด้วย กลุ่มผลิตภัณฑ์หนังฟอกและหนังอัดมีมูลค่า 710 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้สำหรับเดินทางมูลค่า 280 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และกลุ่มผลิตภัณฑ์รองเท้าและชิ้นส่วน 620 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยประเทศคู่ค้าหลัก ได้แก่ สหภาพยุโรป (อียู) สหรัฐ และตะวันออกกลาง ประเทศคู่แข่งสำคัญ ได้แก่ อินเดียสามารถผลิตหนังได้ปริมาณมาก ส่วนเวียดนามได้เปรียบด้านค่าแรงต่ำกว่าไทย ในขณะที่จีน เป็นคู่แข่งที่น่ากลัวทั้งการราคาถูก และมีการออกแบบที่หลากหลาย
ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์เครื่องหนังไทยที่ได้รับความนิยมในตลาดต่างประเทศปีที่ผ่านมา คือ สินค้าเครื่องหนังทำจากหนังจระเข้ หนังงู และหนังสัตว์น้ำอย่างปลากระเบน ซึ่งมีการนำไปผลิตเป็นสินค้าต่างๆ เช่น กระเป๋าแฟชั่น เบาะรถ รองเท้า เข็มขัด เป็นต้น
อธิบดี กสอ. เผยด้วยว่า ปีนี้ (2560) กรมฯ ตั้งเป้าผลักดันอุตสาหกรรมเครื่องหนังไทยให้มีการพัฒนาและสามารถสร้างมูลค่าได้ถึง 60,000 ล้านบาท ซึ่งหนึ่งในกิจกรรมสนับสนุนช่องการตลาด เพื่อเพิ่มยอดขายให้อุตสาหกรรมเครื่องหนังไทย ทาง กรมฯ ร่วมกับพันธมิตรจัดงาน “แฟนพันธุ์แท้เครื่องหนังไทย” เพื่อให้ผู้ประกอบการแสดงสินค้าและจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 27 – 31 มีนาคมนี้ ณ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม