ศูนย์วิเคราะห์ฯ ทีเอ็มบี หั่นจีดีพีไทยปีนี้ขยายตัว 3.3% เนื่องจากการลงทุนเอกชนยังไม่ฟื้นเต็มที กลุ่มSMEโตแค่2% ขณะที่ลงทุนภาครัฐและท่องเที่ยวยังเป็นหัวใจในการขับเคลื่อน ขณะที่รายได้ของ SME กว่า 80% กระจุกตัวอยู่แค่ในหัวเมืองใหญ่
นายนริศ สถาผลเดชา ผู้อำนวยการอาวุโส ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics เผยว่า คาดการณ์เศรษฐกิจไทยจะรักษาแนวโน้มฟื้นตัวในระดับปานกลาง ขยายตัวได้ 3.3% ลดลงจากประมาณการครั้งก่อนที่คาดว่าขยายตัว 3.5% โดยมีปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนหลักจากการลงทุนภาครัฐ และภาคการท่องเที่ยว ซึ่งในปีนี้คาดว่า การลงทุนภาครัฐจะเพิ่มขึ้นถึง 15% หลักๆ ที่เพิ่มเป็นลงทุนเมกะโปรเจกต์ประมาณ 2.4 แสนล้านบาท และมีเม็ดเงินลงทุนเพิ่มเติมจากงบพัฒนา 18 กลุ่มจังหวัด วงเงินกว่า 7.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งการลงทุนภาครัฐมีส่วนช่วยฟื้นการลงทุนภาคเอกชนให้ขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะในหมวดการก่อสร้าง
อย่างไรก็ตาม โดยรวมการลงทุนภาคเอกชนในปีนี้ยังกลับมาได้ไม่เต็มที่ โดยเฉพาะในกลุ่ม SME โดยคาดเติบโตได้ 2% เพิ่มขึ้นไม่มากจากที่โต 0.5% ในปีที่ผ่านมา ซึ่งที่มาของการเติบโตยังคงเป็นตลาดเอเชีย โดยเฉพาะกลุ่ม CLMV
ด้านภาคธุรกิจ ศูนย์วิเคราะห์ฯ ได้ทำการศึกษาธุรกิจ SME ในหลายมิติ ผ่านการวิเคราะห์เชิงลึกจาก Big Data ธุรกิจ SME ถือเป็นรากฐานที่สำคัญของเศรษฐกิจไทย แม้รายได้ SME ทั้งประเทศมีสัดส่วนเพียง 43% ของรายได้รวมของธุรกิจทั้งประเทศ แต่กลับมีจำนวนกิจการถึง 99% ของจำนวนธุรกิจทั้งประเทศ และยังมีบทบาทในการจ้างงานถึง 80% ของการจ้างงานทั้งประเทศ ซึ่งเราพบว่า 80% ของรายได้ธุรกิจSME ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจอยู่ในภาคการผลิต ภาคการค้า หรือภาคบริการ ล้วนกระจุกตัวอยู่ในหัวเมืองใหญ่
นอกจากนี้ เมื่อวิเคราะห์ลึกลงไป โดยดูในด้านศักยภาพของธุรกิจ ซึ่งพิจารณาจากแนวโน้มการเติบโตของรายได้ และอัตราส่วนกำไรสุทธิ จะสามารถแบ่งธุรกิจ SME ทั้งประเทศออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1) กลุ่ม Potential ที่มีศักยภาพในการเติบโต พบว่าเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการค้าชายแดน ธุรกิจการท่องเที่ยว ตัวอย่างธุรกิจในกลุ่มนี้ ได้แก่ SME ที่อยู่ในจังหวัดจันทบุรี ตาก เชียงราย บึงกาฬ โดยหากได้รับแรงจูงใจในการขยายลงทุน เช่น สิทธิประโยชน์ด้านต่างๆ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรองรับ ก็จะสามารถผลักดันให้ธุรกิจเติบโตได้อีก
2) กลุ่ม Matured ที่มีผลการดำเนินงานดีต่อเนื่อง พบว่าเป็น SME ที่อยู่ในจังหวัดใหญ่ ซึ่งมีประชากรมาก ทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐาน หรือการเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรม และการขนส่ง หรืออีกนัยหนึ่งเป็นธุรกิจที่ได้รับประโยชน์ หรือการสนับสนุนจากนโยบายภาครัฐ แม้เป็นกลุ่มที่ไม่น่าเป็นห่วง แต่ถ้ากลุ่มนี้สามารถยกระดับการพัฒนาก้าวไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 ได้ หรือพัฒนาผลิตภาพการผลิต จะทำให้ธุรกิจเติบโตได้อีกมาก และสามารถช่วยเหลือธุรกิจที่เกี่ยวข้องตลอดซัปพลายเชนให้ดีขึ้นตาม ตัวอย่างธุรกิจในกลุ่มนี้ ได้แก่ SME ที่อยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ ชลบุรี ระยอง อุดรธานี สงขลา
3) กลุ่ม Challenged ที่กำลังเผชิญกับกับดักการเติบโต พบว่าเป็นธุรกิจทางการเกษตร และมักเป็นกิจการที่อยู่ในจังหวัดเล็ก ประชากรน้อย เป็นเมืองทางผ่าน ตัวอย่างธุรกิจในกลุ่มนี้ ได้แก่ SME ที่อยู่ในจังหวัดสกลนคร ร้อยเอ็ด ปัจจัยสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของกลุ่มนี้คงต้องใช้การพัฒนาธุรกิจทั้งห่วงโซ่การผลิตจากกลุ่มจังหวัดเพื่อนบ้านที่มีศักยภาพ