ผุด “ศูนย์บุคลากรทักษะสูง” ดึงอัจฉริยะทำงานขับเคลื่อนไทยแลนด์ 4.0


“บีโอไอ” จับมือ 5 หน่วยงาน เปิด “ศูนย์บุคลากรทักษะสูง”  ดึงบุคลากรผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รองรับการทำงานในอุตสาหกรรมเป้าหมายแห่งอนาคต ตอบโจทย์ EEC ขับเคลื่อนประเทศไทย 4.0

นายสุวิทย์  เมษินทรีย์  รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิด “ศูนย์บุคลากรทักษะสูง”  (Strategic Talent Center) หรือ  STC ตั้งอยู่ในศูนย์ประสานการบริการด้านการลงทุน อาคารจัตุรัสจามจุรี ชั้น 18 และเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และ 5 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  ประกอบด้วย กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)

นายสุวิทย์ กล่าวว่า ศูนย์ STC แห่งนี้ จะระดมบุคลากรที่มีความสามารถระดับสูงมาช่วยตอบโจทย์นิติการลงทุนในศตวรรษที่ 21 ของประเทศไทย เพราะหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้าตามนโยบายประเทศไทย 4.0 ที่จะขับเคลื่อน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย อีกส่วนจะเป็นการตอบโจทย์โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่นักลงทุนในประเทศและต่างประเทศจะเข้ามาลงทุน นอกจากนี้ ยังทำหน้าที่ตรวจสอบบุคลากรทักษะสูงเหล่านี้ว่ามีคุณวุฒิและคุณสมบัติตรงตามความต้องการของนักลงทุนด้านงานวิจัย วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จึงนับเป็นมิติใหม่และเป็นอีกก้าวหนึ่งของบีโอไอ

ด้านนางหิรัญญา สุจินัย เลขาธิการบีโอไอ กล่าวว่า ศูนย์บุคลากรทักษะสูงจะช่วยให้มีผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้าสู่ภาคเอกชนมากขึ้นรองรับนโยบายประเทศไทย 4.0 โดยศูนย์ STC จะเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงระหว่างภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น ภาคเอกชน บุคลากรที่มีทักษะสูง สถาบันวิจัยสถาบันการศึกษา ตลอดจนประสานงานการอำนวยความสะดวกเรื่องวีซ่าและใบอนุญาตทำงานให้แก่บุคคลที่มีทักษะสูงจากต่างประเทศ โดยจะช่วยให้บริษัททั้งไทยและต่างประเทศที่ดำเนินธุรกิจอยู่ในประเทศไทยสามารถเข้าถึงบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยพัฒนาและนวัตกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยขณะนี้มีรายชื่อผู้เชี่ยวชาญอยู่ในบัญชีของศูนย์แล้วประมาณ 10,000 ราย เป็นนักวิจัยในประเทศและมีเครือข่ายนักวิจัยในต่างประเทศ

สำหรับการให้บริการศูนย์ STC จะครอบคลุม 3 ด้าน คือ คือ 1.การแนะนำผู้เชี่ยวชาญทั้งไทยและต่างชาติในสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้กับภาคเอกชน โดยเชื่อมโยงฐานข้อมูลของหน่วยงานต่างๆในเครือข่ายซึ่งครอบคลุมนักวิจัยในภาครัฐ ผู้ได้รับทุนวิจัย นักเรียนทุนระดับปริญญาเอกด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 2.การให้บริการรับรองผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศ (Expertise Recognition) ในสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกด้านวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน โดยศูนย์STC จะส่งต่อข้อมูลและหลักฐานต่างๆ ของผู้เชี่ยวชาญชาวต่างชาติที่บริษัทประสงค์จะนำเข้ามาทำงานในประเทศไทยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณารับรอง

และ 3.การอำนวยความสะดวกวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน โดยผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานในเครือของศูนย์ STC จะได้รับการอำนวยความสะดวกเรื่องวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน ทั้งในกรณีที่ทำงานในบริษัทที่ได้รับส่งเสริมการลงทุนและไม่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน โดยศูนย์ STC จะทำงานเชื่อมต่อกับระบบ e-Expert ของศูนย์บริการวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน (One Stop Service Center for Visa and Work Permit)

“ศูนย์ STC นับเป็นบริการใหม่ของบีโอไอที่จะมีส่วนช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรที่จำเป็นสำหรับการก้าวไปสู่เศรษฐกิจฐานความรู้” นางหิรัญญากล่าว