ข่าวนี้จะพาไปที่ ชุมชนหมู่ 5 ต.สำมะโรง อ.เมือง จ.เพชรบุรี ยึดแนวประชารัฐร่วมใจ รวมกลุ่มขาย ขนมเมืองเพชร แต่ไม่ขายที่เมืองเพชรบุรี ส่งจำหน่ายทั่วประเทศและต่างประเทศ สร้างรายได้หลักล้านต่อเดือน
นายประวิทย์ เครือทรัพย์ ประธานกลุ่มขนมหวานตำบลสำมะโรง เล่าว่า ตนเองเรียนจบวิศวะโทรคมนาคม แต่ยอมพลิกวิถีชีวิตกลับภูมิลำเนาเพื่อสืบทอดเจตนารมณ์ของผู้เป็นพ่อ นายเอนก เครือทรัพย์ และชาวบ้านตำบลสำมะโรงที่เป็นผู้ผลิตขนมไทยมายาวนาน โดยรวมกลุ่มชาวบ้านที่ทำขนมอยู่แล้วเลือกขนม ชนิดที่เน้นฝีมือและคุณภาพแต่ละชนิด ซึ่งขนมหวานตำบลสำมะโรงได้รับการยอมรับจากคนรักษาสุขภาพ คือ หวานน้อย ความหวานไม่เสี่ยงต่อสุขภาพ
ขนมเมืองเพชร สู่การพัฒนาต่อยอด
ขนมเมืองเพชร ไม่ใช่ขนมตกยุค แต่เป็นการยกระดับขนมไทยโบราณให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ด้วยการพัฒนาขนมบางชนิดที่สามารถพัฒนาต่อยอดได้ คือ ขนมทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง หม้อแกง และลูกชุบ โดยพัฒนาให้มีคุณภาพสม่ำเสมอกันทุกบรรจุภัณฑ์ ขนมหม้อแกงก็นำมาพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ชาวบ้านไม่ทำ ปรับเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์จากหม้อแกงใส่ถาด มาเป็นหม้อแกงถ้วยฟอยล์ โดยเน้นบรรจุภัณฑ์ที่สะอาด และปรับสูตรให้เป็นขนมเพื่อสุขภาพ โดยลดความหวาน มัน เค็ม มีการนำวัตถุดิบในท้องถิ่นมาเพิ่มรสชาติ เช่น หม้อแกงกล้วยหอมทอง หม้อแกงเผือกหอม และที่กำลังได้รับความนิยม คือ หม้อแกงทุเรียน
ส่วนลูกชุบ ได้พัฒนาเป็นลูกชุบผลไม้ ซึ่งจุดเด่นขนมหวานสำมะโรงปัจจุบันได้รับการยอมรับจากรางวัล โอทอป 5 ดาว รางวัลภูมิปัญญาไทยดีเด่นระดับประเทศ และรางวัลที่ 1 ผู้ประกอบการเพื่อสังคมเยาวชนอาเซียนที่มีการคัดเลือกทั่วประเทศ รับรางวัลจากเลขาธิการอาเซียน ที่ประเทศฟิลิปปินส์อีกด้วย
นอกจากนี้ นายประวิทย์ ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า การขายขนมเมืองเพชรบุรี แต่ไม่ขายที่เมืองเพชรบุรี เป็นการเพิ่มยอดขายให้ขายได้มากขึ้น โดยส่งออกไปจำหน่ายทั่วประเทศ และต่างประเทศที่พม่า กัมพูชา เฉลี่ยรายได้ยอดขายของกลุ่มแต่ละเดือนไม่ต่ำกว่าล้านบาท และลูกค้าที่สั่งส่วนใหญ่จะนำไปขายโดยตรง บางรายนำไปจำหน่ายโดยใส่แบรนด์ของตัวเอง ซึ่งทางกลุ่มผูกใจลูกค้าทั้งสองประเภทด้วยหลักความสดใหม่เป็นอาหารเพื่อสุขภาพ เก็บรักษาได้นาน และขนส่งได้ไกลขึ้นแล้วยังผูกพันชุมชนด้วยแนวทางประชารัฐร่วมใจ และจะขับเคลื่อนเป็นวิสาหกิจชุมชนต่อไป
อ่านเรื่อง: ขนมไทยใส่ไอเดีย เพิ่มจุดขายทางธุรกิจ
[คลิปรายการทั้งหมด]