ธปท. ออกเกณฑ์คุมสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ หลังประชาชนร้องเรียน อัตราดอกเบี้ยสูง – ค่าธรรมเนียมแอบแฝง เร่งออกเกณฑ์ควบคุมเพื่อให้ประชาชนได้รับความเป็นธรรม กำหนดให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 28 – 36%
น.ส.ดารณี แซ่จู ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์สถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย เผยว่า ธปท.ออกแนวทางกำกับดูแลสินเชื่อที่มีทะเบียนรถยนต์เป็นหลักประกัน โดยให้ผู้ประกอบการที่ไม่มีใบอนุญาตเข้ายื่นขอภายใน 60 วัน ที่ผ่านมา ธปท.ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนจำนวนมากในเรื่อง อัตราดอกเบี้ย – ค่าธรรมเนียม สูงเกินกำหนด หรือมีค่าธรรมเนียมแอบแฝง บางแห่งคิดดอกเบี้ยสูงอย่างน่าตกใจ เช่น รถจักรยานยนต์คิดดอกเบี้ย 25 – 65% ส่วนรถยนต์คิดดอกเบี้ย 20 – 30%
เพื่อเป็นการให้ประชาชนเข้าถึงสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมและได้รับความเป็นธรรม โดยตั้งแต่วันนี้ – 12 ต.ค. 61 ธปท.จะเปิดรับฟังความเห็นจากประชาชนและผู้ประกอบการ และจะประกาศใช้เกณฑ์การกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นหลักประกันได้ในเดือน พ.ย. 2561
ในส่วนของหลักเกณฑ์ใหม่ ธปท.กำหนดให้ผู้ประกอบการสินเชื่อจำนำทะเบียนรถรายใหญ่ บริษัทที่มีทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท ปล่อยสินเชื่อข้ามจังหวัดได้ กำหนดเพดานดอกเบี้ยที่ 28% ต่อปี รวมค่าปรับ ค่าธรรมเนียม ค่าใช้จ่ายต่างๆ ยกเว้นค่าทวงถามหนี้ที่คิดได้ตามจริง โดยผู้ให้บริการต้องเปิดเผยข้อมูลผลิตภัณฑ์ ดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการ และค่าธรรมเนียมอย่างครบถ้วน
การอนุมัติวงเงินสินเชื่อไม่กำหนดขึ้นอยู่กับมูลค่าหลักประกัน ห้ามคิดค่าธรรมเนียมหากลูกค้านำเงินมาปิดบัญชีล่วงหน้า รวมทั้งต้องคืนส่วนต่างจากการขายหลักประกันที่ได้เกินมูลค่าให้ลูกหนี้ ขณะที่กรณีผิดนัดชำระหนี้ให้คำนวณเงินต้นคงเหลือเท่านั้น
ผู้ประกอบการสินเชื่อจำนำทะเบียนรถรายรายย่อยให้อยู่ภายใต้ขอบเขตของพิโกไฟแนนซ์ กลุ่มนี้จะให้บริการได้เฉพาะในจังหวัด มีทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาทขึ้นไป วงเงินสินเชื่อ 5 หมื่นบาท/ราย คิดดอกเบี้ยไม่เกิน 36% บวกค่าติดตามหนี้ตามจริง
ปัจจุบันมีผู้ประกอบการธุรกิจสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นหลักประกันในระบบ 1,000 ราย ยอดคงค้างสินเชื่ออยู่ที่ 200,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการรายย่อย ที่ผ่านมาไม่ได้มีการกำกับดูแลหรือตั้งหลักเกณฑ์สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ
ธปท.จึงได้ออกเกณฑ์ให้ผู้ประกอบการที่ยังไม่มีใบอนุญาตเข้ามาขอภายใน 60 วัน ส่วนผู้ประกอบการรายใหม่ต้องมาขอใบอนุญาตจาก ธปท.ก่อนดำเนินธุรกิจ หากไม่ดำเนินการจะถูกดำเนินคดีตามกฏหมาย ในกรณีที่มีการดำเนินธุรกิจ โดยไม่ได้รับอนุญาตตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 58
ข่าวอื่นๆ คลิก
