กระทรวงคมนาคมเผย รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และสายสีม่วง มีปริมาณผู้โดยสารเพิ่มขึ้น เฉลี่ยอยู่ที่ 70,000 คน/วัน จึงจำเป็นต้องปรับแผนการเดินรถ เพิ่มความถี่ให้สอดคล้องกันทั้ง 2 เส้นทาง พร้อมเพิ่มขบวนรถในสายสีน้ำเงินอีก 13 ขบวนภายในเดือน ส.ค. 2562 และทยอยเพิ่มขบวนจนเต็มทั้งระบบ 54 ขบวน ภายในเดือน ก.พ. 2563
นายจิรุตม์ วิศาลจิตร รองปลัดกระทรวงคมนาคมและโฆษกกระทรวงฯ หารือร่วมกับ รฟม. และ BEM ถึงการให้บริการผู้โดยสารและการจัดการจราจรในการเดินรถช่วงชั่วโมงเร่งด่วน พร้อมรับฟังรายงานจำนวนผู้โดยสารสะสม ณ สถานีรถไฟฟ้าเตาปูน ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสีน้ำเงิน ที่ผ่านมาพบว่า ปริมาณผู้โดยสารเพิ่มขึ้นในส่วนของรถไฟฟ้าสายสีม่วง ก่อนหน้านี้มีผู้โดยสารใช้บริการต่อวันเฉลี่ย 62,000-63,000 คน อย่างไรก็ตาม ช่วงเปิดเทอมที่ผ่านมาพบว่ามีปริมาณผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยถึงวันละ 70,000 คน ซึ่งน่าจะส่งผลดีในแง่ของการตื่นตัวที่ประชาชนหันมาใช้การเดินทางโดยระบบรางมากขึ้น แต่ก็ส่งผลกระทบให้เกิดการกระจุกตัวของผู้โดยสารในชั่วโมงเร่งด่วน
ทั้งนี้ ได้แก้ปัญหาระยะสั้นด้วยการปรับตารางเดินรถให้เหมาะสมกับจำนวนผู้โดยสารในช่วงเช้าและเย็นที่เป็นชั่วโมงเร่งด่วน ซึ่งจากเดิมช่วงเช้าหรือเย็นรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินจะเดินทางรับส่งผู้โดยสารมีความถี่ของเวลา อยู่ที่ 6 นาที 50 วินาที ส่วนรถไฟฟ้าสายสีม่วงมีความถี่อยู่ที่ 6 นาที โดยกระทรวงคมนาคมขอให้ BEM ผู้บริหารการเดินรถไฟฟ้าทั้ง 2 สาย ให้จัดเวลาตารางการเดินรถให้สอดรับกัน เมื่อรถไฟฟ้าสายหนึ่งเดินทางเข้าสถานีตรงจุดต่อเชื่อมก็จะมีรถไฟฟ้าอีกสายมารับผู้โดยสารเวลาไล่เลี่ยกัน ทำให้ปัญหาคลี่คลายลงได้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสาร เมื่อเดินทางจากรถไฟฟ้าเส้นทางหนึ่งมาถึงสถานีเตาปูน ก็จะขึ้นรถไฟฟ้าในอีกเส้นทางหนึ่งได้ในเวลาไล่เลี่ยกัน ซึ่งจะช่วยลดปริมาณผู้โดยสารตกค้างในสถานีร่วมลงไปได้
ส่วนการแก้ปัญหาระยะยาว คือจะมีขบวนรถไฟฟ้ามาให้บริการเพิ่มมากขึ้น โดยจะมีการเพิ่มขบวนรถในสายสีน้ำเงินอีก 13 ขบวน ภายในเดือนสิงหาคม 2562 และทยอยเพิ่มขบวนจนเต็มทั้งระบบ 54 ขบวน ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ซึ่งจะทำให้สามารถเพิ่มความถี่ในการเดินรถได้มากขึ้น และรองรับการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายที่มีกำหนดเปิดให้บริการทดลองเดินรถ ช่วงหัวลำโพง-บางแค วันที่ 12 สิงหาคม 2562 และช่วงเตาปูน-ท่าพระ ในวันที่ 1 มกราคม 2563 ซึ่งจะอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้โดยสารมากยิ่งขึ้น