เนื่องจากแนวโน้มการทำธุรกิจขณะนี้ ทุกคนต่างมุ่งเน้นการสร้างรายได้จากหลากหลายช่องทาง ทั้งการผลิตและจำหน่ายเสื้อผ้าสำเร็จรูปก็เป็นอีกธุรกิจทางเลือก ซึ่งตลาดพิมพ์ผ้าในประเทศไทยมีโอกาสเติบโตไม่ต่ำกว่าปีละ 10% บวกกับไลฟ์สไตล์กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เปลี่ยนไป ที่ต้องการความรวดเร็วในการให้บริการ (Speed) คุณภาพของสินค้า (Quality) และความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว (Unique) ทำให้ Creative Economy เป็นกลยุทธ์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ทั้งเทคนิคการพิมพ์ลายด้วยการใช้ซิลค์สกรีนไม่สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ เพราะมีข้อจำกัดหลายอย่าง เช่น การที่ต้องพิมพ์ผ้าจำนวนมาก ในลวดลายที่ซ้ำๆ และมีจำนวนสีไม่เยอะ จึงถูกแทนที่ด้วยเครื่องพิมพ์ผ้าแบบ DTG printer (Direct to Garment printer) โดยมีการพัฒนารุ่นต่างๆออกมามากมายอย่างก้าวกระโดด ซึ่งบราเดอร์เองก็ได้พัฒนาเครื่องตัวแรก และวางออกจำหน่ายในปี 2005
สำหรับ Brother GTX เป็นเครื่องพิมพ์ผ้ารุ่นที่ 4 ซึ่งนับเป็นนวัตกรรมขั้นสุดแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน เนื่องจากศักยภาพเหนือระดับพร้อมกับฟังก์ชั่นการพิมพ์ที่หลากหลาย สามารถปรับเปลี่ยนได้ในทุกความต้องการ ดังนี้
นวัตกรรมการพิมพ์ที่รวดเร็วยิ่งขึ้น
สำหรับการพิมพ์ลวดลายลงบนเสื้อผ้าแบบ DTG (Direct to Garment) จะใช้เวลาไม่เกิน 2 นาทีต่อ 1 ชิ้น แม้การพิมพ์บนผ้าสีดำ หมึกรองพื้นสีขาวจะพิมพ์ไปพร้อมกับหมึกสีไล่ตามลำดับ ทำให้ได้ชิ้นงานที่รวดเร็วยิ่งขึ้น หรือหากลูกค้าต้องการลวดลายหรือสีสันของสินค้าที่ต่างออกไป ก็สามารถตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของลูกค้าแต่ละรายได้แบบไร้ข้อจำกัด (Advance personalized) ‘จึงไม่จำเป็นต้องสต็อกสินค้า จบปัญหาสต็อกบวม และยังช่วยประหยัดต้นทุนเรื่องพนักงาน เพราะมีพนักงานคุมเครื่องเพียงคนเดียว ก็สามารถจัดการทุกขั้นตอนเองได้’
Brother GTX ความคมชัดในทุกรูปแบบที่ต้องการ
ด้วยการพัฒนา 2 หัวพิมพ์ ได้แก่ สีขาวและสี CMYK ทั้ง Nozzle ยังมีขนาดเล็กลง สามารถพิมพ์ด้วยความละเอียด 1,200 dpi x 1,200 dpi บวกกับหมึกพิมพ์ Innobella Textile ที่ทันสมัย จึงทำให้การฉีดหมึกในแบบที่ลวดลายขนาดเล็กมากๆมีความคมชัดกว่าหมึกพิมพ์รุ่นเก่า ‘ซึ่งน้ำหมึก 1 ชุด สามารถพิมพ์เสื้อยืดได้ 2,000 – 4,000 ตัว’ ขึ้นอยู่กับขนาดของลาย
สีไม่ซีดจาง เป็นมิตรต่อเด็กและสิ่งแวดล้อม
เครื่องพิมพ์ผ้าระบบดิจิทัล จาก Brother รุ่น GTX ได้คะแนนไม่ต่ำกว่า 4.0 จากการทดสอบการซักล้างของ AATCC จึงรองรับการซักหลายสิบครั้ง ทำให้ลายผ้าไม่ซีดจาง ทั้งหมึกยังเป็นสูตรใหม่ที่ใช้น้ำเป็นพื้นฐาน ผ่านการรับรองจาก Okeo-Tex Eco-Passport ตามมาตรฐาน CPSIA จึงเป็นมิตรต่อร่างกายผิวพรรณเด็ก พร้อมบรรจุในถุงพลาสติกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ‘เกิดธุรกิจที่มีคุณค่า มีความรับผิดชอบต่อสังคม’
พิมพ์ได้ขนาดใหญ่ขึ้น ในแบบที่ไม่มีมาก่อน
เครื่องพิมพ์ผ้าระบบดิจิทัลรุ่นนี้ มีพื้นที่พิมพ์ที่ใหญ่ที่สุดในเครื่องพิมพ์แบบ DTG (Direct to Garment) ทั้งหมดของบราเดอร์ ด้วยขนาดการพิมพ์สูงสุด 16 x 21 นิ้ว ‘ช่วยขยายโอกาสในการรับออเดอร์จากลูกค้าในความต้องการที่หลากหลายมากกว่าก่อน’
รูปแบบการพิมพ์บนไอเท็มที่หลากหลาย
ด้านไอเท็มที่นำมาพิมพ์ก็ไม่จำกัดอยู่เฉพาะเสื้อเท่านั้น ด้วยการใช้แท่นรองพิมพ์อเนกประสงค์เสริมและช่องว่างขนาดใหญ่ ทำให้สามารถพิมพ์บนตะเข็บ กระเป๋า หมวก รองเท้า หรือผลิตภัณฑ์ใดๆที่ทำจากผ้าได้ ‘ทำให้สามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจได้หลากหลายผลิตภัณฑ์ยิ่งขึ้น’
บำรุงรักษาตัวเองได้ เพื่อประสิทธิภาพการทำงาน
ด้วยการพัฒนามาอย่างยาวนานกว่า 110 ปีของบราเดอร์ ทำให้ เครื่องพิมพ์ผ้าระบบดิจิทัลจาก Brother รุ่น GTX เป็นเครื่องที่สามารถบำรุงรักษาตัวเองได้ทุกๆ 7 นาที หรือตั้งเวลาได้ตามต้องการ ทำให้การพิมพ์มีประสิทธิภาพอยู่ตลอดเวลา ทั้งตัวเครื่องยังสามารถวัดอุณหภูมิและความชื้นภายในห้องได้ หากพบอุณหภูมิไม่เหมาะสม เครื่องก็จะปรับเซตการพิมพ์ให้ เพื่อคุณภาพของชิ้นงานและการบำรุงรักษาหัวพิมพ์ ‘ทั้งยังรับประกัน 1 ปี on-site service จากศูนย์บริการทั่วประเทศ จึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับบริการหลังการขายที่ดีกลับไปอย่างแน่นอน’
รายละเอียดเพิ่มเติม http://www.brother.co.th/th-TH/contents/gtx
สนใจติดต่อ Brother Contact Center : 0-2665-7777
หรือ [email protected]