จีนใช้ “ฮ่องกง-มาเก๊า” ดันเป็น Financial Hub เบอร์ 1 สู้กับสิงคโปร์


จีนมุ่งมั่นที่จะใช้โครงการ Greater Bay Area ซึ่งประกอบด้วย ฮ่องกง, มาเก๊า และ 9 เมืองในมณฑลกวางตุ้ง เพื่อแข่งกับสิงคโปร์ให้กลายเป็นศูนย์กลางทางการเงินและเทคโนโลยีแห่งใหม่

ทางการจีนเปิดเผยแผนงานที่จะผลักดันพื้นที่อันกว้างใหญ่ของพวกเขาที่มีประชากรรวมกัน 71 ล้านคน และมี GDP ถึง 1.64 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยโร้ดแมปดังกล่าวจะพัฒนาพื้นที่ตามแผนงาน Greater Bay Area ซึ่งผู้เชี่ยวชาญทางด้านเศรษฐกิจ มองว่า โครงการของจีนในครั้งนี้เป็นการเขย่าบัลลังค์ของสิงคโปร์ในเรื่องการเป็นศูนย์กลางทางการเงินแห่งใหม่

Lawrence Loh ผู้อำนวยการ Governance, Institutions and Organisations ของ NUS Business School มองว่าโครงการครั้งยิ่งใหญ่ของจีนจะส่งผลกระทบต่อสิงคโปร์ โดยการพัฒนาพื้นที่ในภูมิภาคของจีนจะเป็นการผนึกกำลังกันในภาคอุตสาหกรรม และจะทำให้ Greater Bay Area กลายเป็นศูนย์กลางขนาดใหญ่ภูมิภาค ซึ่งมีข้อได้เปรียบด้านประชากรมากกว่าสิงคโปร์ถึง 12 เท่า และมี GDP มากกว่าสิงคโปร์ถึง 5 เท่าอีกด้วย

“ความท้าทายหลักๆ คือการก้าวขึ้นมาเป็นคู่แข่งสำคัญกับสิงคโปร์ ในเรื่องการเงิน พัฒนาพื้นที่ให้กลายเป็นฮับของการทำธุรกิจ”

ด้าน Tommy Xie หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ OCBC Bank กล่าวว่า ฮ่องกงจะได้รับประโยชน์จากโครงการนี้ไปเต็มๆ เนื่องจากพวกเขามีกฎหมายที่โดดเด่นเพียงพอที่จะทำให้กลายเป็นศูนย์กลางทางการเงินของโลก และเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักลงทุนจากจีน ซึ่งจะกลายเป็นความท้าทายต่อสิงคโปร์

อย่างไรก็ตาม อีกมุมหนึ่งก็มีผู้เชี่ยวชาญที่ออกมาแสดงความคิดเห็นไม่เห็นด้วยในเรื่องนี้ โดย Duncan Innes-Ker จาก The Economist กล่าวว่า นักวิเคราะห์บางคนมองว่าโครงการนี้จะไม่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อสิงคโปร์แต่อย่างใด เพราะฮ่องกง และสิงคโปร์ต่างเป็นเมืองที่เป็นตลาดทางการเงินอยู่แล้ว ดังนั้น โครงการ Greater Bay Area จะไม่ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงอะไรมากมายนัก

ทั้งนี้ สิงคโปร์มีความพยายามที่เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ด้วยการเปลี่ยนแปลงให้กลายเป็นประเทศที่ดูมีความ smart เพื่อดึงดูดให้มีการลงทุนในเรื่องเทคโนโลยีดิจิทัลตามอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมฟินเทค มีการลงทุนมากกว่า 365 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2018

ที่มา:

https://asia.nikkei.com/Economy/China-s-Greater-Bay-threatens-Singapore-s-finance-and-tech-status