สู่ยุคพลังงานยั่งยืน! “เชลล์” ประกาศปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ภายในปี 2050


หมดยุคน้ำมันรุ่งเรื่อง! “เชลล์” เดินหน้าเต็มตัวสู่ความยั่งยืน ประกาศขยายธุรกิจพลังงานหมุนเวียนและคาร์บอนฯ ต่ำ ปล่อยมลพิษให้เป็นศูนย์ภายในปี 2050

ด้วยการที่ธุรกิจน้ำมันถูกมองว่าผ่านจุดสูงสุดมาแล้ว ปัจจุบันเข้าสู่ยุคแห่งพลังงานทดแทน “เชลล์” (Royal Dutch Shell) หนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ จึงเพิ่มเป้าหมายเรื่องความยั่งยืนด้วยการประกาศตั้งเป้ากำจัดการปล่อยคาร์บอนฯ ให้เป็นศูนย์ภายในปี 2050 (พ.ศ.2593)

สืบเนื่องจากปริมาณการผลิตน้ำมันลดลงจากจุดสูงสุดในปี 2019 บวกกับแรงกดดันจากนักลงทุนที่เพิ่มขึ้นในภาคน้ำมันและก๊าซ เพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เชลล์จึงได้ทำการยกเครื่องครั้งใหญ่ ด้วยการเตรียมขยายธุรกิจพลังงานหมุนเวียน และคาร์บอนฯ ต่ำ

เชลล์ได้วางแผนตามแนวทางดังกล่าวไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว คือการปล่อยคาร์บอนฯ ให้เป็นศูนย์ภายในปี 2050 ซึ่งสอดคล้องกับข้อตกลงสภาพภูมิอากาศของปารีส และสหภาพยุโรป

ในการอัปเดตกลยุทธ์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (11 ก.พ.64) เชลล์ได้สรุปแผนที่จะลดการปล่อยมลพิษด้วยการเดินหน้าทำธุรกิจคาร์บอนฯ ต่ำ รวมถึงเน้นหนักในเชื้อเพลิงชีวภาพและไฮโดรเจน แม้ว่าการใช้จ่ายในช่วงเวลานี้ส่วนใหญ่จะยังคงเป็นในส่วนของน้ำมันก็ตาม

“เป้าหมายการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ เชลล์คือผู้นำของอุตสาหกรรมในเรื่องนี้” อดัม แมตธิวส์ ผู้อำนวยการฝ่ายจริยธรรมและผู้ประสานงานงานนักลงทุนของเชลล์ กล่าว

แมตธิวส์กล่าวอีกว่า ผู้ถือหุ้นมีการโหวตเพื่อเร่งรัดในเรื่องนี้ แม้ว่าคะแนนเสียงดังกล่าวจะไม่มีผลผูกพัน แต่นักลงทุนมองว่าพวกเขาจะเป็นกลไกในการทำให้ฝ่ายบริหารมีความรับผิดชอบต่อสาธารณะอย่างแท้จริง เพื่อให้การบรรลุเป้าหมายดังกล่าว

กลยุทธ์ของเชลล์คือการพึ่งพาสาขาย่อยที่มีจำนวนมาก มีเป้าหมายที่จะเพิ่มจำนวนไซต์เป็น 55,000 แห่งภายในปี 2568 (จาก 46,000 แห่งในปัจจุบัน) และเพิ่มจำนวนจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเป็น 500,000 แห่ง (จาก 60,000 แห่งในขณะนี้)

อย่างไรก็ตาม เชลล์ยังไม่มีการเสนอแผนเรื่องการเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม ซึ่งแตกต่างจากคู่แข่งเช่น BP และ Total ที่มีเป้าหมายชัดเจนที่จะสร้างฟาร์มพลังงานลม และโซลาร์ฟาร์มอีกเป็นจำนวนมาก