จัดหนัก! “ธอส.” เตรียมขายสลากออมทรัพย์ “หน่วยละ 1 ล้าน” เริ่ม ก.ย.นี้


ธอส.จัดหนัก 5 โครงการใหม่ ครึ่งปีหลัง 62 จ่อ ออกสลากออมทรัพย์ “วิมานเมฆ” หน่วยละ 1 ล้านบาท วงเงินรวม 2.7 หมื่น ล. เริ่มกันยายนนี้ ผุดสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้สูงอายุ วงเงิน 1 พันล้าน
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผย แนวทางในการดำเนินงานสำคัญในช่วงที่เหลือของปี 2562 ภายหลังจากพระราชบัญญัติธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2562 ได้รับการประกาศในราชกิจานุเบกษาเพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน 2562 ซึ่งจะทำให้ธนาคารสามารถขยายขอบเขตการทำธุรกิจได้มากขึ้น โดยในขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำกฎกระทรวงเพื่อให้ดำเนินการในเรื่องที่เกี่ยวข้องได้ อาทิ

การจำหน่ายสลากออมทรัพย์ ธอส. ซึ่งธนาคารได้เตรียมการออกสลากจำนวน 3 ชุด โดยชุดแรกที่จะเริ่มจำหน่ายได้แก่สลาก Premium ชุดวิมานเมฆ หน่วยละ 1 ล้านบาท จำนวน 27,000 ล้านบาท ออกรางวัลทุกวันที่ 16 ของเดือน จำนวน 27 รางวัล/เดือน รางวัลละ 200,000 บาท อายุสลาก 3 ปี ทำให้ผู้ถือสลากมีโอกาสลุ้นรางวัลถึง 972 รางวัล ทำให้มีโอกาสในการถูกรางวัลสูงถึง 0.1% และเมื่อฝากครบ 3 ปี จะให้ผลตอบแทนหน้าสลากสูงถึง 1.4% ต่อปี เทียบเท่ากับเงินฝากประจำหากถูกรางวัลเพียง 1 ครั้ง ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีจะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 8.07% ต่อปี และยังสามารถถือสลากต่อเพื่อมอบเป็นมรดกได้ ซึ่งคาดว่าจะสามารถออกรางวัลครั้งแรกได้ในเดือนกันยายนนี้

ส่วนสลากอีก 2 ชุด คือ ราคาหน่วยละ 10 ล้านบาท จำหน่ายจำนวน 30,000 ล้านบาท และราคาหน่วยละ 500 บาท จำหน่ายอีกจำนวน 50,000 ล้านบาท อยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียด ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนหลังจากจำหน่ายสลากออมทรัพย์ชุดวิมานเมฆแล้ว

ขณะเดียวกันพระราชบัญญัติธนาคารอาคารสงเคราะห์ฉบับล่าสุด ยังทำให้ธนาคารสามารถจัดทำสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ Reverse Mortgage ภายใต้กรอบวงเงิน 1,000 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุที่มีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยของตนเองและปลอดภาระหนี้ สามารถนำมาจำนองกับธนาคารเพื่อรับเงินเป็นรายเดือน สำหรับการดำรงชีพเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น กำหนดพื้นที่นำร่องที่อยู่อาศัย(หลักประกัน)ต้องตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล

โดยธนาคารกำหนดให้กู้สำหรับผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปแต่ไม่เกิน 80 ปี และต้องไม่เป็นผู้ไร้ความสามารถ หรือเสมือนไร้ความสามารถ กู้ร่วมได้เฉพาะกับคู่สมรสตามกฎหมายหรือพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันที่มีกรรมสิทธิ์ในหลักประกันเดียวกัน วงเงินให้กู้สูงสุดไม่เกิน 50% ของราคาประเมินและสูงสุดไม่เกิน 10 ล้านบาท โดยไม่พิจารณารายได้ของผู้กู้ อัตราดอกเบี้ย 6.25% ต่อปีตลอดอายุสัญญากู้ ได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียม 4 ฟรี
1.ค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ (0.1% ของวงเงินกู้)
2.ค่าประเมินราคาหลักประกัน
3.ค่าจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม (1,000 บาทต่อราย) และ
4.ค่าจดทะเบียนนิติกรรมจำนอง (1% ของวงเงินจำนอง)

ระยะเวลาขอรับเงินได้นานสูงสุด 25 ปี หรือจนถึงผู้กู้อายุ 85 ปี ธนาคารจะจ่ายเงินให้ผู้กู้เป็นรายเดือน อาทิ วงเงินกู้ 2 ล้านบาท หากผู้กู้อายุ 65 ปี ระยะเวลาการกู้ 20 ปี จะได้รับเงินจากธนาคารเดือนละ 8,300 บาท

หากครบระยะเวลาการกู้ตามสัญญาแล้วสามารถขอชำระหนี้ปิดบัญชี โดยธนาคารจะคำนวณจำนวนเงินเท่ากับวงเงินกู้ที่ธนาคารจ่ายให้แก่ผู้กู้ทั้งหมดรวมกับดอกเบี้ยค้างรับ หรือ หากไม่สามารถชำระหนี้ปิดบัญชีผู้กู้ยังมีสิทธิอยู่อาศัยต่อในหลักประกันเดิมได้ตลอดชีวิต หรือสามารถแจ้งความประสงค์ขอกู้เพิ่มได้ โดยขอรับวงเงินที่กู้เพิ่มได้นานสูงสุด 14 ปี และ

กรณีผู้กู้เสียชีวิตให้ถือว่าสัญญาสิ้นสุดลง ธนาคารจะให้สิทธิแก่ผู้รับผลประโยชน์ตามที่ระบุไว้ในสัญญากู้ สามารถชำระหนี้ปิดบัญชีเพื่อไถ่ถอนจำนองเพื่อรับกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยดังกล่าว แต่หากผู้รับผลประโยชน์ไม่ประสงค์ชำระหนี้ปิดบัญชี ธนาคารจะนำหลักประกันขายทอดตลาดต่อไป โดยผู้รับผลประโยชน์ไม่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนต่างหรือค่าใช้จ่ายในการดำเนินการส่วนต่างๆ แม้ราคาขายทอดตลาดจะต่ำกว่ายอดชำระหนี้

ส่วนกรณีราคาขายทอดตลาดสูงกว่ายอดชำระหนี้ธนาคารจะคืนเงินส่วนต่างให้ผู้รับผลประโยชน์หลังจากหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินการส่วนต่างๆ แล้ว