การใช้ซอฟต์แวร์ที่ไม่มีสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ (ไลเซ่นส์) ยังคงพบได้ทั่วไปในธุรกิจเอสเอ็มอี ไม่ว่าจะเกิดจากการละเลย เพิกเฉย หรือมีเจตนาก็ตาม การละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ในลักษณะดังกล่าวทำให้องค์กรเหล่านี้มีความเสี่ยงด้านความมั่นคงปลอดภัยของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ความเสี่ยงด้านการดำเนินธุรกิจ และความเสี่ยงด้านกฎหมาย ดังนั้น SME ที่ยังขาดความตระหนักรู้เรื่องความเสี่ยงเหล่านี้ และยังขาดการบริหารจัดการซอฟต์แวร์อย่างเหมาะสม ล้วนตกอยู่ในความเสี่ยงต่อการสูญเสียอย่างมากมาย
ภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิค มีอัตราการใช้ซอฟต์แวร์ที่ไม่มีไลเซ่นส์ สูงที่สุดในโลกคือมากถึงร้อยละ 57 วิธีการแก้ปัญหาดังกล่าว จึงเป็นการปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม เน้นส่งเสริมให้องค์กรธุรกิจทำการตรวจสอบภายในด้วยตนเอง และสมัครใจปรับเปลี่ยนมาใช้ซอฟต์แวร์ให้ถูกต้อง
ปัจจุบันธุรกิจจำนวนมากมีความเสี่ยงสูงถึงหนึ่งในสามที่จะเผชิญกับการจู่โจมของมัลแวร์ จากการใช้งานหรือติดตั้งซอฟต์แวร์ที่ไม่มีไลเซ่นส์ การจู่โจมของมัลแวร์ในแต่ละครั้งสามารถก่อให้เกิดความเสียหายต่อธุรกิจ นอกจากนี้การจู่โจมของมัลแวร์ดังกล่าวทำให้ธุรกิจไม่สามารถให้บริการหรือดำเนินงานได้ หรือสูญเสียข้อมูลทางธุรกิจ ย่อมส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อภาพลักษณ์และชื่อเสียงด้วย
ธุรกิจสามารถดำเนินการตามขั้นตอนที่สำคัญได้ทันที เพื่อปรับปรุงการบริหารจัดการซอฟต์แวร์และเพื่อประโยชน์ต่างๆ ที่จะตามมา รวมถึงประโยชน์สูงสุดจากการใช้งานซอฟต์แวร์ โดยปฏิบัติตามแนวทางของการบริหารจัดการสินทรัพย์ซอฟต์แวร์ตามมาตรฐานสากล
ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยทำให้แน่ใจว่าซอฟต์แวร์ที่ทำงานอยู่บนเครือข่ายเป็นซอฟต์แวร์ที่มีสัญญาอนุญาต ถูกต้องครบถ้วน แต่ยังจะช่วยลดความเสี่ยงจากภัยไซเบอร์ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดปัญหาจากการใช้งานซอฟต์แวร์
ผลการศึกษาจำนวนมากชี้ให้เห็นว่าองค์กรธุรกิจสามารถประหยัดต้นทุนสำหรับซอฟต์แวร์ต่อปี ได้สูงถึงร้อยละ 30 โดยปฏิบัติตามแนวทางของการบริหารจัดการซอฟต์แวร์ตามมาตรฐานสากล รวมถึงวางแผนการจัดหาและใช้งานซอฟต์แวร์ต่างๆ เข้าด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพ