ได้เวลารู้จักธุรกิจ Startup ว่าจริงๆ แล้วต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง?


พอพูดถึงคำว่า Startup ขึ้นมาหลายคนก็จะเอนเอียงน้ำหนักไปที่ธุรกิจหน้าใหม่ที่กำลังทำแอปพลิเคชันสักตัวหนึ่งจากที่กำลังมีการผลิตออกมามากมายไม่ว่าจะเป็นแอปสำหรับเรียกรถยนต์ มอเตอร์ไซด์ เรียกแม่บ้าน หาที่นอน และอีกสารพัดอย่างที่คอยตอบโจทย์ในชีวิตประจำวันของเรา จนบางคนจะพลอยเข้าใจไปว่าสตาร์ทอัพคือการทำแอปพลิเคชันอะไรสักอย่างที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้คน ซึ่งถ้าใครที่กำลังคิดแบบนี้ก็เป็นความเข้าใจที่ถูกแค่บางส่วน เพราะการพัฒนาแอปพลิเคชันบางตัวเป็นสตาร์ทอัพบางตัวไม่เป็น ปัจจัยที่จะทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวของกับสินค้าหรือบริการใดๆ จะถูกเรียกว่าสตาร์ทอัพได้นั้นมีอยู่ด้วยกัน 3 เรื่องหลักๆ ก็คือ ความใหม่, การเติบโตแบบก้าวกระโดด และ มีการขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ซึ่งเข้าใจว่าข้อสุดท้ายนี้เป็นเพราะโลกในยุคสมัยนี้การจะไม่ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยเทคโนโลยีเป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก

Startup ต้องมีความสดใหม่

หัวใจหลักของสินค้าและบริการใดจะถูกเรียกว่าสตาร์ทอัพนั้นจะต้องเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน หากเป็นสินค้าก็จะต้องเป็นสิ่งที่ยังไม่เคยมีใครคิดค้นหรือผลิตขึ้นมาก่อน และถ้าหากเป็นบริการก็เช่นเดียวกันจะต้องเป็นบริการที่ยังไม่เคยมีใครทำขึ้นมาก่อนเลย จึงจะถูกตีความว่าเป็นสตาร์ทอัพ ส่วนใจความสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือสินค้าและบริการใหม่นั้นจะต้องแก้ปัญหาเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่ยังไม่เคยได้รับการแก้ไขมาก่อนเลย หรือที่มักจะได้ยินกันติดหูอยู่บ่อยๆ ว่า สตาร์ทอัพจะต้องเริ่มต้นจากการแก้ไข pain point อะไรสักอย่างเสมอ

ขยายตัวได้รวดเร็วแบบก้าวกระโดด

เรื่องนี้สำคัญมากเพราะถ้าหากเป็นการพัฒนาสินค้าและบริการขึ้นมาแล้วแต่ไม่สามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดแล้วละก็ นั่นย่อมไม่ใช่วิถีสตาร์ทอัพ กล่าวคือหากสินค้าและบริการใดที่สร้างขึ้นมายังคงต้องอาศัยการเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป ในรูปแบบของธุรกิจแบเดิมๆ ก็จะไม่ถูกจัดว่าเป็นสตาร์ทอัพ อย่างเช่นคุณคิดค้นบริการขึ้นมาตัวหนึ่งแต่การขยายสาขาหรือการให้บริการยังคงเป็นไปในรูปแบบเดิมอย่าง เพิ่มคน เพิ่มสำนักงาน ยิ่งขยายสาขาเยอะก็ยิ่งใช้จำนวนคนและทรัพยากรเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว แบบนั้นคือธุรกิจเก่า

ใช้เทคโนโลยีเป็นตัวขับเคลื่อน

อันนี้ชัดเจนมาก เพราะในยุคสมัยนี้การขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตแบบก้าวกระโดดโดยไม่ใช้เทคโนโลยีแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย คุณลองคิดดูว่าจะมีทางไหนที่จะช่วยเร่งให้ธุรกิจของคุณเติบโตโดยไม่พึ่งพาเทคโนโลยีได้บ้าง ยกตัวอย่างคุณจะต้องใช้เวลานานขนาดไหนกว่าที่จะกลายเป็นเจ้าของอู่ Taxi ที่สามารถขยายสาขาไปได้ทั่วโลกภายในเวลาอันรวดเร็ว ลำพังแค่โมเดลธุรกิจอาจจะทำได้แต่มันจะไม่สะดวกและรวดเร็วในการลงทะเบียนรถและคนขับได้ในระดับนี้อย่างแน่นอน การเลือกใช้เทคโนโลยีการสื่อสารที่ชาญฉลาด การสร้างระบบที่ขยายตัวได้อย่างไม่ต้องพึ่งพาเรื่องของสำนักงาน รวมถึงการกำหนดคุณสมบัติของคนที่จะเข้าร่วมทำกิจการให้ง่ายในการติดต่อ ล้วนแล้วแต่เป็นผลลัพธ์ที่เกิดจากเทคโนโลยีทั้งนั้น

สตาร์ทอัพมีบางอย่างที่ลึกซึ้งกว่านั้น

หลังจากที่พอจะเข้าใจเรื่องคุณสมบัติของธุรกิจสตาร์ทอัพกันไปพอสมควรแล้ว อันที่จริงภายในคำว่าสตาร์ทอัพเองยังมีรายละเอียดที่ลึกซึ้งภายในอีกมากมายอยู่ในนั้น โดยเฉพาะเรื่องของโมเดลธุรกิจ ที่ธุรกิจแบบเดิมมุ่งเน้นที่จะสร้างผลกำไรแต่เพียงอย่างเดียว ต่างกับธุรกิจสตาร์ทอัพที่มักจะเริ่มต้นจากความตั้งใจในการ “แก้ไขปัญหา” ให้กับคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งก่อน นอกจากนั้นยังมุ่งเน้นเพื่อ “เข้าใจความต้องการ” ของคนกลุ่มนั้นอย่างชัดเจน  หรือพอจะเรียกง่ายๆ ได้ว่าธุรกิจสตาร์ทอัพจะถูกขับเคลื่อนด้วย Passion มากกว่าการหวังผลกำไรทางธุรกิจ เชื่อว่าตอนนี้คุณคงจะเข้าใจธุรกิจที่เรียกว่าสตาร์ทอัพเพิ่มมากขึ้นแล้ว ยังมีรายละเอียดในมิติอื่นๆ อีกมากมาย ถ้าหากคุณอยากเรียนรู้ที่จะสร้างธุรกิจสตาร์ทอัพ เพราะทุกองค์ประกอบในธุรกิจเดิมจะถูกเปลี่ยนแปลงทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ คน, สถานที่ทำงาน, โครงสร้างธุรกิจ, รูปแบบการลงทุน และรูปแบบการทำตลาด ทุกอย่างที่กล่าวมาจะมีความแตกต่างไปจากเรื่องเดิมๆ ที่เคยเข้าใจมาเมื่อคุณอยากเริ่มทำตัวเป็นสตาร์ทอัพ บทความนวัตกรรมอื่นๆ >>> [คลิก]