สถิติร้านอาหารญี่ปุ่นในไทย
จำนวนร้านอาหารญี่ปุ่นทั้งหมดในไทย ร้านภัตตาคารอาหารญี่ปุ่นครองอันดับหนึ่งด้วยจำนวน 1,439 ร้าน ตามมาด้วยร้านซูชิ 1,279 ร้าน ร้านราเมน 802 ร้าน และร้านอิซากายะ 480 ร้าน ส่วนร้านประเภทสุกี้และชาบูมีจำนวน 448 ร้าน ตามด้วยร้านยาคินิคุ 433 ร้าน ร้านคาเฟ่ 329 ร้าน และร้านดงบุริ ซึ่งให้บริการข้าวหน้าเนื้อ ข้าวหน้าเท็มปุระ ข้าวหน้าหมู และข้าวหน้าอาหารทะเล จำนวน 162 ร้าน นอกจากนี้ ยังมีร้านอาหารประเภทอื่น ๆ เช่น ร้านข้าวแกง ร้านอาหารตะวันตกสไตล์ญี่ปุ่น ร้านเทปันยากิ และร้านโซบะ รวมอยู่ในหมวดนี้ด้วย
ร้านอาหารญี่ปุ่นในไทย แนวโน้มที่เปลี่ยนไป
กรุงเทพฯ ยังคงเป็นศูนย์กลางของร้านอาหารญี่ปุ่น ด้วยจำนวน 2,672 ร้าน ตามด้วยต่างจังหวัด 2,371 ร้าน และปริมณฑล 873 ร้าน จังหวัดที่มีร้านอาหารญี่ปุ่นหนาแน่นที่สุด ได้แก่ ชลบุรี นนทบุรี และเชียงใหม่ โดยปีนี้ถือเป็นครั้งแรกที่อัตราการเติบโตต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับปี 2561 ที่เคยเพิ่มขึ้นถึง 230 ร้าน และปี 2565 ที่มีการขยายตัวสูงสุดถึง 955 ร้าน
ที่น่าสนใจคือร้านซูชิ ซึ่งเคยครองแชมป์จำนวนมากที่สุดระหว่างปี 2563–2566 ลดลงเหลือ 1,279 แห่ง (-6.8%) และเสียตำแหน่งให้กับร้านภัตตาคารอาหารญี่ปุ่นที่เพิ่มขึ้นเป็น 1,439 ร้าน (+6.3%) ขณะที่ร้านอิซากายะ โซบะ/อุด้ง และคาเฟ่กลับมีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในพื้นที่ปริมณฑลและต่างจังหวัด
เหตุผลที่ร้านซูชิลดจำนวน
นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคที่ต้องการความหลากหลาย ส่งผลให้ร้านซูชิหลายแห่งต้องปรับตัว เพิ่มเมนูอาหารญี่ปุ่นรูปแบบอื่น หรือเปลี่ยนประเภทไปโดยสิ้นเชิง ขณะเดียวกันร้านราเมนและอิซากายะที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวกลับได้รับความนิยมมากขึ้น
เจโทรชูแผนกระตุ้นตลาดอาหารญี่ปุ่น
เจโทรวางแผนจัดกิจกรรมส่งเสริมการบริโภคอาหารญี่ปุ่นในไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการนำเข้าวัตถุดิบคุณภาพจากญี่ปุ่น ไม่เพียงเพื่อรองรับร้านอาหารญี่ปุ่น แต่ยังรวมถึงร้านอาหารประเภทอื่นๆ ในประเทศไทย นอกจากนี้ยังผลักดันการท่องเที่ยวญี่ปุ่นเพื่อให้คนไทยสัมผัสประสบการณ์กับอาหารญี่ปุ่นต้นตำรับมากขึ้น
พลิกเกมธุรกิจ…สู่ Soft Power ของคนไทย “หมี่โคราชตำหนักทอง” ยกระดับอาหารท้องถิ่นให้เป็นมากกว่าสินค้าในร้านของฝาก สู่การเป็น Soft Power ของคนไทย ด้วยรสชาติที่สะท้อนความเป็นโคราชแท้ๆ ผสานกับเทคโนโลยีทันสมัยขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งสินค้าคุณภาพระดับพรีเมียม พร้อมส่งต่อความภาคภูมิใจจากชุมชนสู่ตลาดโลก ตัวช่วยพลิกเกมธุรกิจของตำหนักทองคืออะไร คลิก https://www.ttbbank.com/link/smart-sme-tamnakthong ดูวีดีโออื่น คลิก
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงเม็กซิโก รายงานว่า กรมสรรพากรเม็กซิโก (The Tax Administration Service: SAT) ได้ประกาศมาตรการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ หรือ E-Commerce โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษี ลดการลักลอบนำเข้า และการหลบเลี่ยงภาษี ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อแพลตฟอร์มชื่อดังจากเอเชีย เช่น SHEIN, Temu, Amazon และ Aliexpress โดยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2025 เป็นต้นไป สินค้าที่นำเข้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์จะต้องเสียภาษีในอัตรา ได้แก่ 1. สินค้าจากประเทศที่มีข้อตกลงการค้า มูลค่าเกิน 50 ดอลลาร์สหรัฐ จะต้องเสียภาษี 19% 2. สินค้าจากประเทศภายใต้ความตกลง USMCA มูลค่า 50-117 ดอลลาร์สหรัฐ: เสียภาษี 17% กรณีมูลค่าเกิน 117 ดอลลาร์สหรัฐ จะต้องเสียภาษี 19% 3. สินค้าจากประเทศที่ไม่มีข้อตกลงการค้า เสียภาษีในอัตราเดียวที่ 19% ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นและโอกาสที่เปลี่ยนไป […]
สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า รัฐบาลจีนกำลังพิจารณาทางเลือกสำรองในกรณีที่ TikTok ถูกแบนในสหรัฐฯ โดยมีแนวโน้มที่จะให้ Elon Musk เข้าซื้อกิจการ TikTok ในสหรัฐฯ หาก ByteDance แพ้คดีและไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ เส้นตายสำคัญและความท้าทายทางกฎหมาย TikTok มีเส้นตายจนถึงวันที่ 19 มกราคม 2025 ที่ศาลสหรัฐฯ กำหนดให้ ByteDance ต้องตัดสินใจว่าจะขายกิจการในสหรัฐฯ หรือไม่ หากไม่ขาย TikTok จะต้องถูกแบนด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงแห่งชาติ ByteDance ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลสูงสุดสหรัฐฯ เพื่อพยายามรักษาการควบคุม แต่แนวโน้มคำตัดสินอาจไม่เป็นผลดีต่อบริษัท Elon Musk และบทบาทในแผนสำรอง ตามรายงานจาก Bloomberg หนึ่งในแผนสำรองของจีนคือการให้แพลตฟอร์ม X (เดิมชื่อ Twitter) ของ Elon Musk เข้าดูแล TikTok ในสหรัฐฯ หากเกิดการขายกิจการ ด้วยจำนวนผู้ใช้งานกว่า 170 ล้านคนในสหรัฐฯ TikTok อาจช่วยเสริมศักยภาพของ X […]
