ลำไยไทยมาแรง สินค้าส่งออกศักยภาพสูง สู่ตลาดเซี่ยเหมิน

นางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงแนวโน้มเชิงบวกในการส่งออกลำไยไทยสู่ตลาดเมืองเซี่ยเหมิน สาธารณรัฐประชาชนจีน จากรายงานของนางสาวนันท์นภัส งามแม้น ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองเซี่ยเหมิน พบว่า ตลาดลำไยไทยในจีนยังคงเติบโตต่อเนื่อง แม้จีนจะพยายามปลูกลำไยเอง แต่ต้นทุนการเพาะปลูกและแปรรูปที่สูง ส่งผลให้พื้นที่ปลูกลดลง และต้องพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ โดยลำไยอบแห้งจากไทยเป็นที่นิยมอย่างมาก เนื่องจากมีคุณลักษณะเฉพาะตัว เช่น รสชาติหวาน หอม ขนาดผลใหญ่ และเมล็ดเล็ก ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในจีน นอกจากจะบริโภคโดยตรงแล้ว ลำไยไทยยังถูกใช้เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป เช่น อาหารกระป๋องอีกด้วย

ในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2567 การนำเข้าผลไม้รวมในเมืองเซี่ยเหมินมีปริมาณ 101,500 ตัน คิดเป็นมูลค่ารวม 1,470 ล้านหยวน เพิ่มขึ้นถึง 61.39% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้า ผลไม้ที่มีปริมาณนำเข้าสูงสุดสามอันดับแรก ได้แก่ ลำไย (ทั้งแบบสดและอบแห้ง) จำนวน 27,000 ตัน ทุเรียนสดจำนวน 19,800 ตัน และมะพร้าวแห้งจำนวน 12,300 ตัน ผลไม้ทั้งสามชนิดนี้รวมกันคิดเป็น 58.25% ของปริมาณการนำเข้าผลไม้ทั้งหมด

เมืองเซี่ยเหมินยังคงนำเข้าผลไม้จากประเทศไทยในปริมาณสูงสุด รองลงมาคือเวียดนามและอินโดนีเซีย โดยในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2567 เมืองเซี่ยเหมินนำเข้าผลไม้จากไทยจำนวน 40,300 ตัน จากเวียดนาม 25,800 ตัน และจากอินโดนีเซีย 12,900 ตัน นอกจากนี้ยังพบแนวโน้มการนำเข้าผลไม้จากประเทศอื่น ๆ เช่น สปป.ลาว สาธารณรัฐมาลี และฝรั่งเศสเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน

สำหรับรูปแบบการขนส่งผลไม้ไปยังเมืองเซี่ยเหมิน มีสามวิธีหลัก ได้แก่ การขนส่งทางน้ำ ทางถนน และทางอากาศ โดยการขนส่งทางน้ำมีปริมาณมากที่สุดถึง 82,500 ตัน หรือคิดเป็น 81.3% ของปริมาณผลไม้นำเข้าทั้งหมด เนื่องจากการขนส่งทางน้ำมีข้อได้เปรียบในเรื่องต้นทุนที่ต่ำและประสิทธิภาพด้านเวลา การขนส่งทางถนนและทางอากาศมีปริมาณน้อยกว่ามาก โดยอยู่ที่ 18,900 ตัน และ 39.84 ตัน ตามลำดับ ท่าเรือในเมืองเซี่ยเหมินยังมีเส้นทางการขนส่งทางทะเลกว่า 180 เส้นทาง ซึ่งสนับสนุนให้การขนส่งทางน้ำเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมที่สุด

การขนส่งทางน้ำช่วยลดต้นทุนและเวลาในการขนส่งเมื่อเทียบกับการขนส่งทางถนนที่ต้องผ่านหลายประเทศ และยังสามารถขนส่งปริมาณมากได้ในคราวเดียว ซึ่งเหมาะสำหรับผลไม้ที่เก็บรักษาได้นาน แม้ว่าการขนส่งทางอากาศจะรวดเร็วกว่า แต่มีต้นทุนสูงกว่าและไม่เหมาะสำหรับการขนส่งปริมาณมาก การขนส่งทางน้ำจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ส่งออกไทยที่ต้องการรักษาต้นทุนและคุณภาพของผลผลิต

นางสาวสุนันทายังได้กล่าวถึงความสำคัญของการรักษามาตรฐานสินค้าและความน่าเชื่อถือในตลาดจีน เพื่อให้ลำไยไทยยังคงครองความนิยมในตลาดเมืองเซี่ยเหมิน ผู้ประกอบการไทยควรปฏิบัติตามกฎระเบียบการนำเข้าอย่างเคร่งครัด หลีกเลี่ยงการสำแดงราคาต่ำกว่าราคากลางของศุลกากรจีน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือและการดำเนินธุรกิจในระยะยาว

นอกจากลำไยแล้ว ยังพบว่าทุเรียนสดจากไทยมีการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในเมืองเซี่ยเหมิน จึงเป็นโอกาสที่ผู้ประกอบการไทยจะขยายตลาดทุเรียนในจีนควบคู่กันไปด้วย การมุ่งเน้นสร้างพันธมิตรที่มีความน่าเชื่อถือและประวัติการดำเนินงานที่ดี รวมถึงการกระจายความเสี่ยงในการทำตลาด จะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถรักษาความยั่งยืนของการส่งออกลำไยและผลไม้อื่น ๆ ในตลาดจีนได้ในระยะยาว