ผลสำรวจล่าสุดพบว่า “คนเจน Z” กังวลกับปัญหา “วิกฤติสิ่งแวดล้อม” จากการเดินทาง ทำให้พวกเขานิยมท่องเที่ยวแบบไม่นั่งเครื่องบิน หันมานั่งรถไฟท่องเที่ยว เพื่อลดการปล่อยคาร์บอน สวนทาง “คนสูงอายุ” นิยมท่องเที่ยวด้วยการนั่งเครื่องบิน ไม่กังวลผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
คนรุ่นใหม่ กังวลปัญหา “วิกฤติสิ่งแวดล้อม”
จากผลสำรวจใหม่พบว่า คนเจน Z ที่มีอายุระหว่าง 18 ถึง 27 ปี เกือบครึ่งหนึ่งกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากวันหยุดพักร้อนของตน เมื่อเปรียบเทียบกับผู้เดินทางที่มีอายุมากกว่า 60 ปี ไม่ถึงหนึ่งในสาม
ทั้งนี้ ผลการวิจัยของ YouGov พบว่ามีเพียงร้อยละ 31 ของคนรุ่นเบบี้บูมเมอร์ ซึ่งปัจจุบันมีอายุระหว่าง 60 ถึง 70 ปีเท่านั้นที่บอกว่า พวกเขากังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการเดินทางที่มีต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนท้องถิ่น โดยตัวเลขดังกล่าวลดลงเหลือ 26% ในกลุ่มผู้ที่มีอายุมากกว่า 78 ปี
คนรุ่นใหม่มีแนวโน้มที่จะมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมมากกว่า โดยผู้ใหญ่วัย Gen-Z ร้อยละ 47 ซึ่งมีอายุระหว่าง 18 ถึง 27 ปี และคนรุ่นมิลเลนเนียล 42%1 ซึ่งมีอายุระหว่าง 28 ถึง 41 ปี กล่าวว่าพวกเขากังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการเดินทาง
ตัวเลขดังกล่าว จัดทำโดย Social Hub ซึ่งเป็นธุรกิจโรงแรมและการทำงานร่วมกัน เน้นย้ำถึงช่องว่างระหว่างคนรุ่นต่าง ๆ ระหว่างนักท่องเที่ยว โดยแสดงให้เห็นว่า คนเจน Z และคนรุ่นมิลเลนเนียลเป็นกลุ่มอายุที่มีแนวโน้มหลีกเลี่ยงการขึ้นเครื่องบินมากที่สุด
ผลการวิจัยสอดคล้องกับผลการวิจัยที่นำเสนอใน รายงานประจำปีล่าสุด เรื่อง The State of Student and Youth Travel in 2024 โดย Student Universe ซึ่งเป็นบริษัทตัวแทนท่องเที่ยวสำหรับเยาวชนที่ใหญ่ที่สุด พบว่านักศึกษา 13% บอกว่าจะไม่เดินทางโดยเครื่องบินเนื่องจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และ 21% รู้จักใครบางคนที่ปฏิเสธที่จะเดินทางโดยเครื่องบิน อีก 23% บอกว่าพวกเขายินดีที่จะจ่ายค่าธรรมเนียมชดเชยคาร์บอนเมื่อทำการจอง
บริษัทท่องเที่ยวจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ กำลังจัดทำแผนการเดินทางแบบ “ห้ามบิน” เพื่อตอบสนองต่อกระแสดังกล่าว เมื่อปีที่แล้ว Byway ซึ่งเป็นบริษัททัวร์แบบห้ามบินได้เปิดตัวทริปเกาะอิบิซาร่วมกับ First Choice ซึ่งมุ่งเป้าไปที่นักท่องเที่ยวรุ่นเยาว์โดยเฉพาะ
หนุนเพิ่มภาษีอากาศ เพื่อนำเงินมาลงทุนรถไฟความเร็วสูง
ทั้งนี้ จากผลการสำรวจที่ บริษัท ฮิตาชิ เรล บริษัทด้านระบบขนส่งแบบราง และบริษัท ซาวันตาคอมเรส บริษัทสำรวจตลาด เผยให้เห็นว่าผู้คนทั่วโลก 64% สนับสนุนให้แบนการเดินทางทางอากาศ ในกรณีที่มีทางเลือกอื่นคือรถไฟความเร็วสูง นอกจากนี้ ยังพบอีกว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า ผู้คนมากราว 35% คาดว่าจะเดินทางด้วยรถไฟมากขึ้น ในขณะที่ 56% สนับสนุนให้เพิ่มภาษีอากาศเพื่อนำเงินไปลงทุนในบริการรถไฟความเร็วสูงรูปแบบใหม่ ซึ่งในยุโรปเป็นภูมิภาคที่มีโครงสร้างพื้นฐานทางรางที่แข็งแกร่ง รถไฟความเร็วสูงนำเสนอทางเลือกที่สามารถแข่งขันได้และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแทนการเดินทางทางอากาศสำหรับการเดินทางระหว่างเมืองต่าง ๆ
Byway ผู้เชี่ยวชาญด้านการเดินทางโดยไม่ต้องขึ้นเครื่องบิน เปิดเส้นทางรถไฟใหม่หลายเส้นทางในยุโรป เพื่อให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งนำฉลากคาร์บอนมาใช้สำหรับการเดินทาง ซึ่งช่วยให้สามารถเปรียบเทียบกับการปล่อยมลพิษจากการเดินทางทางอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อมูลจาก Euromonitor เน้นย้ำถึงการขนส่งทางรถไฟว่าเป็นประเภทการเดินทางที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกในปี 2024 โดยเติบโต 35.6% เมื่อเทียบกับปี 2023 แสดงให้เห็นว่ายุคทองของการเดินทางด้วยรถไฟได้กลับมาอีกครั้ง และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกำลังใช้ประโยชน์จากกระแสนี้
เนื่องด้วยการเดินทางด้วยรถไฟถือเป็นหนึ่งในวิธีเดินทางระยะไกลที่ยั่งยืน เพราะรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อผู้โดยสารน้อยกว่าเครื่องบินอย่างเห็นได้ชัด ตัวอย่างเช่น เที่ยวบินจากลอนดอนไปปารีสปล่อยคาร์บอน ประมาณ 244 กิโลกรัมต่อผู้โดยสารหนึ่งคน ในขณะที่การเดินทางด้วยรถไฟจะปล่อยเพียง 15 กิโลกรัม ซึ่งน้อยกว่าถึง 90% ตามการประมาณการของ Eurostar
บริษัทต่าง ๆ เช่น Railbookers มีความเชี่ยวชาญด้านแพ็คเกจการเดินทางโดยรถไฟที่คัดสรรมาเป็นพิเศษ ได้เสนอแผนการเดินทางส่วนบุคคลที่ครอบคลุมตั้งแต่การพักผ่อนในเมืองไปจนถึงการเดินทางที่โด่งดัง เช่น รถไฟสายทรานส์ไซบีเรียหรือ Rocky Mountaineer ของแคนาดา และยังเปิดตัวการเดินทางรอบโลกด้วยขบวนรถไฟสุดหรูในราคา 113,599 ดอลลาร์ต่อคน โดยใช้เวลาท่องเที่ยว 80 วัน ครอบคลุม 4 ทวีป และ 13 ประเทศ
ขณะที่ญี่ปุ่นส่งเสริมเปิดให้จองตั๋วการเดินทางด้วยรถไฟชมวิว “ทรานสวีท ชิกิชิมะ” รถไฟหัวกระสุนที่ตกแต่งและบริการระดับโรงแรม 5 ดาวในเส้นทางพิเศษที่เต็มไปด้วยทัศนียภาพที่สวยงาม ซึ่งตั๋วถูกจองเต็มไปในเวลาเพียงไม่นาน ขณะที่ทางรถไฟสายทะเลทรายในแอฟริกา ที่เชื่อมหัวเมืองใหญ่ ๆ ผ่านทะเลทรายซาฮารา
นี่คือการเสนอประสบการณ์การเดินทางแบบ Slow Life ที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางได้อย่างสบายใจที่สุดจึงถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างไม่ต้องสงสัย
ที่มา: thetimes, independent, hub.wtm
เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ
Post Views: 1