นิคมอุตสาหกรรม-ก่อสร้าง-อสังหาริมทรัพย์ 3 ธุรกิจได้รับอานิสงส์ ทุนจีนย้ายฐานการผลิต
การลงทุนจากภาคเอกชนถือว่ามีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย คาดเม็ดเงินจากกลุม่ทุนจากจีนจะเข้ามามีบทบาทสำคัญกับการลงทุนในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะนิคมอุตสาหกรรม-ก่อสร้าง-อสังหาริมทรัพย์ 3 ธุรกิจได้รับอานิสงส์
ศูนย์วิจัยกรุงไทย (Krungthai COMPASS) คาดการณ์ว่าประเทศไทยจะเป็นจุดหมายสำคัญของประเทศจีนในการลงทุนเนื่องจากมีศักยภาพในการดึงดูด โดยในช่วง 9 ปีที่ผ่านมา เม็ดเงินการลงทุนจากจีนอยู่ในช่วงขาขึ้น หากดูในปี 2567 จีนมีมูลค่าขอรับการส่งเสริมการลงทุนถึง 1.75 แสนล้านบาท ซึ่งสูงกว่าญี่ปุ่น 3-4 เท่าตัว
ด้านธุรกิจที่จะได้รับอานิสงส์ในระยะแรกเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยแบ่งเป็น 3 ธุรกิจ ได้แก่ 1.ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมจากความต้องการซื้อที่ดินและสาธารณูปโภค 2.ธุรกิจก่อสร้าง จากความต้องการก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมที่อาจเพิ่มขึ้นราวปีละ 0.85-1.05 แสนล้านบาท และ 3.ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะการพัฒนาคอนโดมิเนียมเพื่อขายให้ชาวต่างชาติซึ่งมักซื้อคอนโดมิเนียมที่มีราคาเฉลี่ยถึง 4.7 ล้านบาทต่อยูนิต สูงกว่าค่าเฉลี่ยของคนไทยถึง 114%

ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
อย่างไรก็ตาม ในระยะข้างหน้ายังต้องติดตาม 5 ปัจจัยสำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อการลงทุน ได้แก่
1) ภาวะสงครามการค้า โดยเฉพาะสหรัฐฯ-จีน
2) ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ของโลก
3) กฎระเบียบของโลกและประเทศคู่ค้า
4) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของไทย
5) ความพร้อมด้านเทคโนโลยี โดยในมิติกฎระเบียบของโลก การเริ่มต้นของมาตรการจัดเก็บภาษีขั้นต่ำของโลก (Global Minimum Tax) อาจทำให้สิทธิประโยชน์ด้านอัตราภาษีนิติบุคคลที่ได้รับจากการส่งเสริมการลงทุน ไม่ได้เป็นข้อได้เปรียบในการดึงดูด FDI อีกต่อไป จึงจำเป็นต้องเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้ครอบคลุมทั้งชนิดโครงการและประสิทธิภาพ พัฒนาทักษะบุคลากรผ่านการ Upskill และ Reskill รวมถึงมุ่งเจรจาความตกลงการค้าเสรี เพื่อเป็นการรักษา FDI ที่ไทยได้รับให้อยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง
เรื่องอื่นๆที่น่าสนใจ
Post Views: 13