SME

SME จะได้ประโยชน์อะไรบ้าง? เมื่อสินค้านำเข้าจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเตรียมถูกเก็บภาษี

กรมศุลกากรเตรียมเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากต่างประเทศของแพลตฟอร์มออนไลน์ ตั้งแต่ 1 บาทขึ้นไป เริ่มวันที่ 1 ม.ค.69 เป็นต้นไป เพื่อช่วยสร้างการแข่งขันที่เป็นธรรมให้ SME – สร้างรายได้เพิ่มให้กรม 3,000 ล้านบาท

 

การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค และธุรกิจในประเทศ โดยการยกเลิกการยกเว้นอากรนำเข้ามูลค่าต่ำ ไม่ใช่แค่เรื่องของภาษีเท่านั้น แต่เป็นการปรับสมดุลสนามแข่งขันให้มีความเท่าเทียมกันของผู้ประกอบการ ซึ่งจะมีการเรียกแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ได้แก่ Lazada, Shopee และ TikTok เพื่อรับทราบถึงมาตรการใหม่ที่จะเกิดขึ้น

 

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา พฤติกรรมการซื้อสินค้าออนไลน์จากต่างประเทศ (โดยเฉพาะจากจีน) ได้สร้างปรากฏการณ์ “สินค้าราคาถูก” ทะลักเข้าไทยอย่างมหาศาล ซึ่งเป็นผลมาจาก “กฎ De Minimis Value” ที่อนุญาตให้สินค้าที่มีมูลค่าไม่เกิน 1,500 บาท ได้รับการยกเว้นทั้งอากรขาเข้า และภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในช่วงแรก หรือได้รับการยกเว้นอากรขาเข้าในปัจจุบัน

 

 

แน่นอนว่าสิ่งที่ตามมาคือราคาสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศอาจจะแพงขึ้น เพราะผู้ขาย หรือแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต้องแบกรับภาษีที่ต้องจ่ายเพิ่ม ซึ่งจะทำให้พฤติกรรมการช้อปเปลี่ยนไป โดยเฉพาะการสั่งซื้อของจุกจิกราคาหลักสิบหรือหลักร้อยอาจไม่คุ้มค่าอีกต่อไป ผู้บริโภคจะหันมาพิจารณาซื้อสินค้าจากร้านค้าในประเทศมากขึ้น และระยะเวลาการจัดส่งอาจล่าช้าลง เนื่องจากพัสดุทุกชิ้นต้องผ่านกระบวนการประเมินจัดเก็บภาษี

 

[การกลับมาของ “สนามแข่งที่เป็นธรรม” ของ SME ไทย]

 

มาตรการนี้ถือเป็น “ชัยชนะ” ที่สำคัญที่สุดของภาคธุรกิจ SME และผู้ผลิตในประเทศ เพราะเป็นการคืนความเป็นธรรมทางการค้าอย่างแท้จริง แบ่งออกมาได้ดังต่อไปนี้

 

สนามแข่งขันที่เท่าเทียม: คู่แข่งสินค้านำเข้าจากต่างประเทศต้องรับภาระภาษีเทียบเท่ากับ SME ไทย ทำให้ราคาสินค้ามีความใกล้เคียงกันมากขึ้น

 

เพิ่มยอดขายในประเทศ: เมื่อส่วนต่างราคาของสินค้านำเข้ากับสินค้าในประเทศลดลง ผู้บริโภคจะหันมาสนับสนุนสินค้าไทยที่มีคุณภาพและมีมาตรฐานมากขึ้น

 

ปกป้องการทุ่มตลาด: ลดโอกาสที่สินค้าราคาถูก และไม่ได้มาตรฐานจะเข้ามาทำลายตลาด-ภาพลักษณ์ของสินค้าประเภทเดียวกัน

 

กระตุ้นการผลิตในประเทศ: ความต้องการสินค้าจากผู้ผลิตในประเทศที่เพิ่มขึ้น จะช่วยกระตุ้นการจ้างงานและสร้างมูลค่าเพิ่ม (Value Added) ให้กับเศรษฐกิจโดยรวม

 

คุณภาพและความปลอดภัย: สินค้าที่เข้ามามากขึ้นจะต้องผ่านการตรวจสอบตามมาตรฐานศุลกากรและหน่วยงานอื่น ๆ ทำให้ผู้บริโภคได้รับสินค้าที่ปลอดภัยและมีคุณภาพตามเกณฑ์

 

สำหรับผู้ประกอบการไทยนี่คือโอกาสทองในการนำเสนอจุดแข็งด้านคุณภาพ มาตรฐาน และบริการหลังการขายเพื่อดึงดูดลูกค้าที่อาจกำลังมองหาทางเลือกใหม่ทดแทนสินค้านำเข้าที่ราคาแพงขึ้น มาตรการนี้ไม่ใช่แค่การเพิ่มรายได้ของรัฐ 3,000 ล้านบาทต่อปี แต่เป็นมาตรการที่จะช่วย “ปลดล็อก” ศักยภาพการเติบโตของผู้ประกอบการ SME ไทยให้สามารถยืนหยัดแข่งขันได้บนเงื่อนไขที่ยุติธรรม หลังจากที่ถูกทิ้งให้อยู่ในภาวะเสียเปรียบมานาน

ที่มา: thaipbsฐานเศรษฐกิจ