ข้อมูลจากการสำรวจ “ดัชนีการเปลี่ยนผ่านดิจิทัลของประเทศไทย (TDTI)” โดยศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ (DEIIT) คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยให้เห็นภาพที่น่าสนใจและเต็มไปด้วยความขัดแย้ง ประเทศไทยมีความโดดเด่นด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล แต่กำลังประสบปัญหาใหญ่ด้านทักษะและผลิตภาพจากการใช้เทคโนโลยี
1.โครงสร้างพร้อม…แต่ทักษะไม่ถึง
ผลสำรวจ TDTI ชี้ให้เห็นว่า ประเทศไทยมี “โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและการเข้าถึงเทคโนโลยี” (Digital Access) อยู่ในระดับ สูงที่สุดในอาเซียน และเทียบเท่าประเทศชั้นนำในสหภาพยุโรป โดยได้คะแนนสูงถึง 80.76 คะแนน ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยโลก (70 คะแนน) และประเทศใหญ่อย่างมาเลเซีย, เวียดนาม, และอินโดนีเซียอย่างชัดเจน
จุดแข็ง:
- ประชาชนส่วนใหญ่ เข้าถึงอุปกรณ์และอินเทอร์เน็ตคุณภาพดี ได้อย่างทั่วถึง
- การเข้าถึงเทคโนโลยี ไม่ใช่ อุปสรรคในการเปลี่ยนผ่านดิจิทัลของประเทศอีกต่อไป
ความขัดแย้งที่สำคัญ:
แม้โครงสร้างจะพร้อม แต่คะแนนด้าน ทักษะดิจิทัล (Digital Skills) กลับอยู่ที่เพียง 44.04 คะแนน (ระดับปานกลางค่อนต่ำ) และคะแนนด้านการพัฒนาตนเองด้านดิจิทัลและ AI อยู่ที่ 35.46 ซึ่งต่ำมาก
- เนื้อหาหลัก: ช่องว่างของทักษะและการใช้งาน AI
2.1 ทักษะดิจิทัลต่ำกว่ามาตรฐานสากล
ทักษะดิจิทัล (44.04 คะแนน): ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยสากลอย่างมีนัยสำคัญ
รูปแบบการเรียนรู้: คนไทยเน้นการ “เรียนรู้ด้วยตนเอง” (Self-learning) ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ (64.91 คะแนน) มากกว่าการเรียนรู้แบบเป็นทางการในระบบ (20.61 คะแนน) ถึง 3 เท่า
ปัญหา: การเรียนรู้แบบไม่เป็นระบบนี้ทำให้เกิด “ช่องว่างทักษะ” โดยเฉพาะทักษะเชิงลึกที่จำเป็นต่อเศรษฐกิจดิจิทัล เช่น Digital Problem-Solving และ AI Literacy
2.2 ใช้ AI เยอะ…แต่สร้างรายได้น้อย
- ผลิตภาพจากการใช้ AI (AI Productivity): อยู่ที่ระดับปานกลาง (48.08 คะแนน)
- การรับรู้: ประชาชนรับรู้ว่า AI ช่วยลดเวลาการทำงานได้มาก (50.83 คะแนน)
- ความจริง: AI ช่วยเพิ่มรายได้ได้น้อยที่สุด (45.55 คะแนน)
ข้อสรุป: คนไทยใช้ AI เพื่อ ความสะดวก มากกว่าการ สร้างมูลค่าเชิงเศรษฐกิจ สะท้อนให้เห็นว่าไทยเป็นประเทศที่ใช้ AI เยอะ แต่ Productive AI ยังต่ำ เมื่อเทียบกับประเทศ OECD ที่สามารถนำ AI ไปสร้างรายได้ เช่น งาน Freelance AI Content, AI Graphic, หรือ Automation Consulting
2.3 บริการภาครัฐดิจิทัล
คะแนน: 64.08 คะแนน (ถือว่าดี)
จุดอ่อน: ยังมีข้อจำกัดด้าน ความเร็วและความลื่นไหล (Seamlessness) ในการให้บริการ
- บทสรุปและข้อเสนอแนะเชิงนโยบายผ่าน 3 ช่องว่างที่ต้องเร่งแก้ไข
รศ.ดร.อนุสรณ์ สรุปว่า ประเทศไทยต้องเร่งแก้ไข 3 ช่องว่าง (Gap) สำคัญ เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านดิจิทัลเกิดผลเต็มที่:
- ช่องว่างระหว่างการเข้าถึงกับทักษะ (Access vs. Skills Gap): มีอุปกรณ์แต่ไม่มีทักษะใช้งานเชิงลึก
- ช่องว่างระหว่างทักษะกับผลิตภาพ (Skills vs. Productivity Gap): มีทักษะพื้นฐานแต่ยังไม่สามารถนำมาสร้างผลผลิตได้เต็มที่
- ช่องว่างระหว่างการใช้งานกับผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ (Usage vs. Economic Return Gap): ใช้เทคโนโลยีมากแต่ยังไม่ได้รายได้หรือมูลค่าเพิ่มที่คุ้มค่า
[ข้อเสนอแนะ]
ศูนย์วิจัย DEIIT เสนอให้ปรับทิศทางนโยบายจาก “Digital Access” ไปสู่ “Digital Capability” โดยเน้น 4 ด้านหลัก:
– AI for Productivity: ส่งเสริมการใช้ AI เพื่อ สร้างมูลค่า
– AI for SMEs: สนับสนุนให้ธุรกิจขนาดเล็กนำ AI มาใช้เพื่อเพิ่มผลิตภาพ
– AI Upskilling แบบเป็นระบบ: พัฒนาหลักสูตร AI Literacy ที่เป็นมาตรฐาน
– สร้าง Ecosystem: ออกมาตรการสนับสนุน เช่น Tax Incentives, AI Sandbox, SME AI Coaching เพื่อกระตุ้นการใช้ AI อย่างจริงจัง
หากประเทศไทยสามารถแก้ไขช่องว่างเหล่านี้ได้ จะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตจากการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน และก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาคได้อย่างแท้จริง
Post Views: 84