ชวนหาคำตอบ? DAIDOMON แบรนด์ปิ้งย่างยุค 90 ทำไมถึงไปต่อไม่ไหว

ร้านอาหารอีกหนึ่งธุรกิจยอดนิยม เพราะใคร ๆ ก็ต้องกินอยู่แล้ว หากทำเมนูออกมาดี โดนใจลูกค้าแล้ว เรียกได้ว่าอยู่กันยาว ๆ เลย

หากย้อนกลับไปในยุค 90 ร้าน DAIDOMON ถือว่าเป็นผู้บุกเบิกอาหารปิ้งย่างในห้างสรรพสินค้าเจ้าแรก ๆ ของ ประเทศไทยเลยก็ว่าได้ ซึ่งในตอนนั้นได้รับความนิยมจากผู้บริโภคชาวไทยเป็นอย่างมากจนแบรนด์ติดตลาด แต่มาวันนี้ด้วยระยะเวลาของธุรกิจที่ดำเนินมา 41 ปี เป็นอันต้องยุติลง โดยร้านไดโดมอน สาขา ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต จะเปิดให้บริการถึงวันที่ 5 สิงหาคม 2567 เป็นวันสุดท้าย ซึ่งทางร้านขอขอบคุณการสนับสนุนอย่างดีเสมอ และพบกันใหม่โอกาสหน้า

 

 

สำหรับ DAIDOMON ก่อตั้งขึ้นในปี 2526 มีสาขาแรกที่สยามสแควร์โดยในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาแบรนด์ถูกบริษัทเข้าซื้อธุรกิจมาบริหาร ไม่ว่าจะเป็น ในปี 2554 ที่ฮอทพอท เข้ามาซื้อกิจการบริษัท ไดโดมอน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่ช่วงนั้นกำลังเจอปัญหาการบริหารที่ผลประกอบการเริ่มติดลบ เช่นเดียวกับฮอทพอทที่ต้องขายขยายบริการเสริม นั่นคือ ปิ้งย่าง นอกเหนือจากสุกี้-ชาบูที่มีอยู่ก่อนแล้ว

ต่อมาในปี 2561 เกิดความเปลี่ยนแปลงในเรื่องของโครงสร้างองค์กร เมื่อตระกูล “เตชะอุบล” เข้าซื้อฮอทพอท พร้อมกับเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น เจซีเค ฮอสพิทัลลิตี้ จำกัด (มหาชน) โดยเป้าหมายสำคัญของธุรกิจคือความหลากหลายของอาหารที่ให้บริการจะไม่จำกัดแบบเดิมอีกต่อไป แต่จะมีให้เลือกมากขึ้น ทั้งอาหารญี่ปุ่น ไปจนถึงอาหารอิตาลี จึงทำให้เกิดการรีแบรนด์ครั้งสำคัญของร้านอาหารที่อยู่ในเครือ

เมื่อมองถึงประเด็นว่าทำไม Daidomon ถึงปิดตัว

แน่นอนว่าจุดเปลี่ยนสำคัญคือหลังการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ธุรกิจร้านอาหารได้รับผลกระทบไปแบบเต็ม ๆ ไม่สามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติ บางแบรนด์เสียศูนย์ไปเลยก็มี เช่นเดียวกับ “เจซีเค” ที่ผลประกอบการของบริษัทยังพบว่าขาดทุนติดต่อกันมาหลายปี

– ปี 2563 รายได้รวม 701 ล้านบาท ขาดทุน -142 ล้านบาท
– ปี 2564 รายได้รวม 444 ล้านบาท ขาดทุน -340 ล้านบาท
– ปี 2565 รายได้รวม 544 ล้านบาท ขาดทุน -228 ล้านบาท
– ปี 2566 รายได้รวม 398 ล้านบาท ขาดทุน -109 ล้านบาท

เมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้ การทำธุรกิจร้านอาหารในยุคสมัยนี้ การแบกรับต้นทุนอาจเป็นตัวฉุดรั้งธุรกิจ ดังนั้น แบรนด์ร้านอาหารอะไรที่ไม่ทำรายได้ก็ควรหยุด และตัดจบเหมือนกับ Daidomon หากดูสถานการณ์ของธุรกิจร้านของอาหารของ “เจซีเค” ก็จะพบว่าก่อนหน้านี้ร้านอย่าง HOT POT BUFFET ก็ทยอยปิดเหลือเพียง 4 สาขาเท่านั้น ทั้งที่เป็นรายได้หลักของธุรกิจ

 

 

อีกทั้ง การทำธุรกิจร้านอาหารในยุคปัจจุบัน เรียกได้ว่าเป็นสมรภูมิเดือดเลยก็ว่าได้ เพราะต้องเจอทั้งคู่แข่งรายเล็กและรายใหญ่ รวมถึงแบรนด์หน้าใหม่ที่กระโดดเข้ามาลงเล่นในสนามแห่งนี้ ตลอดจนร้านอาหารก็มีความหลากหลาย สร้างจุดแข็งอันมีเอกลักษณ์ของตัวเองที่แตกต่างกันออกไป มีตัวเลือกให้ผู้บริโภคได้เลือกมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น สุกี้, ชาบู, ปิ้งย่าง นี่ยังไม่นับรูปแบบการให้บริการทั้งแบบบุฟเฟต์ หรือจ่ายแบบเมนูที่เลือก

นอกจากนี้ ในเรื่องพฤติกรรมผู้บริโภคก็มีส่วนสำคัญไม่แพ้กัน ด้วยความที่ตัว Daidomon อยู่มาเป็นระยะเวลาหลายสิบปี ดังนั้น ผู้บริโภคก็จะเปลี่ยนไปตามวันเวลา ในอดีตเคยเป็นลูกค้า มาวันนี้อาจจะเปลี่ยนไปกินอย่างอื่น ดังนั้นแบรนด์เองต้องปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยอยู่เสมอ และต้องไม่ชะล่าใจที่จะสร้างการรับรู้ให้กับลูกค้าหน้าใหม่ ๆ ที่ยังไม่เคยรู้จักแบรนด์นี้มาก่อน

นี่อาจเป็นภาพสะท้อนของการทำธุรกิจร้านอาหารที่ต้องปรับตัวให้เข้ากับเทรนด์ที่เปลี่ยนไป รวมถึงการแข่งขันที่ดุเดือด หากใครทำไม่ได้ โอกาสอยู่รรอดก็น้อย และชื่อจะเลือนหายไปตามกาลเวลา