สตาร์บัคส์

ทำไม? สตาร์บัคส์ถึงอ่วมในตลาดจีน ต้องขายหุ้นดึงพันธมิตรท้องถิ่นเข้าช่วย

แม้ว่าแบรนด์สตาร์บัคส์จะถูกยกให้เป็นเชนร้านกาแฟระดับโลกมีการขยายสาขาไปตามประเทศต่าง ๆ จำนวนมาก แต่สำหรับ ‘จีน’ ดูแล้วจะเป็นสถานการณ์ที่อยากลำบาก มีการแข่งขันที่ดุเดือดจนต้องมีแผนปรับตัวสู้ศึกครั้งสำคัญด้วยการขายหุ้นให้กับธุรกิจท้องถิ่น

 

สตาร์บัคส์เริ่มมองหาธุรกิจท้องถิ่นเข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา จนสุดท้ายมาได้สรุปกับ Boyu Capital ที่เข้ามาถือหุ้นสูงสุด 60% ในสตาร์บัคส์ของจีน ซึ่งเป็นในรูปแบบ joint venture คิดเป็นมูลค่า 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยคาดการณ์ว่าข้อตกลงจะบรรลุเสร็จสิ้นในเดือน มี.ค.2569

 

 

แน่นอนว่าปัจจัยสำคัญมาจากการแข่งขันรุนแรงจากคู่แข่งท้องถิ่น โดยเฉพาะ Luckin Coffee ที่เติบโตอย่างรวดเร็วมาก มีจำนวนสาขาแซงหน้าสตาร์บัคส์เป็นที่เรียบแล้ว และยังขายกาแฟในราคาที่ถูกกว่ามาก ทำให้ส่วนแบ่งตลาดของเชนร้านกาแฟสัญชาติสหรัฐฯ ลดลงอย่างหนัก จากอดีตที่เคยครองส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุด เหลือเพียงราว 14% ในปี 2024 อ้างอิงจากข้อมูล Euromonitor

 

ปัญหาเรื่องราคาก็เช่นกันที่แบรนด์ถูกมองว่ามีราคาสูง ซึ่งผู้บริโภคชาวจีน (กลุ่มคนรุ่นใหม่) มีความลังเลที่จะจ่ายเงินซื้อเครื่องดื่มในราคาพรีเมียม อาจจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจที่ชะลอตัวก็มีส่วน เมื่อผู้บริโภคลังเลที่จะใช้จ่าย ยอดขายสาขาเดิมของสตาร์บัคส์ในจีนก็ลดลง

 

 

ดังนั้น การมองหาพันธมิตรท้องถิ่นร่วมทุนกับ Boyu Capital ที่เป็นบริษัทจีน และมีความเข้าใจตลาดท้องถิ่นอย่างลึกซึ้งเป็นหนทางของการปรับกลยุทธ์สู่ “Asset-Light” ให้สามารถแข่งขันต่อได้ แม้จะขายหุ้นออกไป 60% แต่ดีลนี้มีมูลค่าถึง 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเงินก้อนนี้จะช่วยให้สตาร์บัคส์มีทุนก้อนใหญ่เพื่อใช้ในการขยายสาขาในจีนให้เป็นไปตามเป้าหมาย 20,000 สาขา ในอนาคต

 

อีกทั้ง การร่วมทุนในรูปแบบ Joint Venture จะช่วยลดภาระ และความเสี่ยงด้านเงินทุน

 

การตัดสินใจครั้งนี้ของสตาร์บัคส์ ไม่ใช่การยอมแพ้ แต่เป็นการ “ปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่” เพื่อรับมือกับสภาพตลาดจีนที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เปรียบกับนักมวยที่โดนคู่แข่งจีนซัดด้วยหมัดราคาถูกเข้าที่ท้องอย่างจัง แทนที่จะลงไปกอง ก็เลยเลือกที่จะ “ดึงเทรนเนอร์ท้องถิ่น” เข้ามาช่วยถือกระเป๋าเงินและวางแผนสู้ศึกใหม่ ยอมเสียการควบคุมไปบ้าง แต่ได้กำลังเสริมที่รู้ทางมวยดีกว่า เพื่อการเติบโตแบบยั่งยืนในระยะยาว

 

ที่มา: bbc

 

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ