ธุรกิจศัลยกรรม-

ธุรกิจศัลยกรรม-เสริมความงาม มาแรงมูลค่า 7.5 หมื่นล้าน แข่งขันเดือด ตัวเลือกเยอะ

เรื่องความสวย ความงามเป็นเรื่องที่ผู้คนให้ความสำคัญ และยอมกันไม่ได้ ทำให้ธุรกิจศัลยกรรม-เสริมความงามในประเทศไทยมาแรง โตต่อเนื่อง คาดปี 2568 มูลค่าตลาดอยู่ที่ 75,200 ล้านบาท ขยายตัว 1.6% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

 

ตลาดธุรกิจศัลยกรรมและความงามของไทยยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยในปี 2568 คาดว่ามูลค่าตลาดจะแตะ 75,200 ล้านบาท และยังคงเติบโตในอัตราที่ลดลงเหลือเพียง 1% ในปี 2569

 

แต่เบื้องหลังตัวเลขที่น่าสนใจนี้คือภาวะ “กำไรหด” ที่น่ากังวล โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยชี้ว่า อัตรากำไรสุทธิของธุรกิจนี้ลดลงอย่างเห็นได้ชัด จากค่าเฉลี่ย 2.7% ก่อนโควิด-19 เหลือเพียง 2.4% ในช่วงหลังโควิด และคาดว่าจะลดลงต่อเนื่องเหลือเพียง 2.0-2.4% ในปี 2568-2569

 

 

สาเหตุหลักมาจาก “การแข่งขันที่รุนแรง” โดยเฉพาะในกลุ่มคลินิกที่มีสัดส่วนในตลาดสูงถึง 85% ทำให้ต้องใช้กลยุทธ์ด้านราคา และโปรโมชั่นเพื่อดึงลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กำไรเฉลี่ยต่ำกว่าภาพรวมของประเทศ

 

ขณะเดียวกัน “โรงพยาบาล” กำลังเข้ามาเป็นผู้เล่นที่น่าจับตา ด้วยจุดแข็งด้านมาตรฐานการรักษาที่น่าเชื่อถือ และมีสัดส่วนทางการตลาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 10% ในปี 2564 เป็น 15% ในปี 2568 และคาดว่าจะเติบโตแซงหน้ากลุ่มคลินิกได้ในปี 2569 จากฐานลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง เช่น ชาวต่างชาติ อินฟลูเอนเซอร์ และเจ้าของธุรกิจ

 

เมื่อดูเรื่องเทรนด์ศัลยกรรมและเสริมความงามที่ลูกค้าสนใจทำมากที่สุดอยู่ที่บริเวณช่วงใบหน้า คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 46% ของจำนวนการใช้บริการทั้งหมด โดยมีกลุ่มลูกค้าศักยภาพใหม่ เช่น กลุ่มเพศทางเลือก (LGBTQIA+) กลุ่ม GenZ และผู้ชาย ซึ่งจะเป็นฐานผู้ใช้บริการที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

 

ปัจจุบันคนรุ่นใหม่เปิดกว้าง และกล้าทำศัลยกรรมมากขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากเทคโนโลยีการรักษาที่ทันสมัย มีความปลอดภัยและใช้เวลาฟื้นตัวน้อยลง ขณะที่หัตถการความงามบางประเภท สามารถให้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงการผ่าตัดได้ ส่งผลให้การทำศัลยกรรมและเสริมความงามแบบไม่ผ่าตัด ได้รับความนิยมมากขึ้น สะท้อนจาก ปี 2567 สัดส่วนการทำศัลยกรรมแบบผ่าตัดอยู่ที่ 74% ลดลงจากปี 2566 ที่ 79% ขณะที่การทำศัลยกรรมแบบไม่ผ่าตัด มีสัดส่วนขยับขึ้นมาอยู่ที่ 26%

 

ธุรกิจศัลยกรรม-เสริมความงามไทยจึงอยู่ในช่วงที่น่าจับตา เพราะแม้เม็ดเงินจะสะพัด แต่การทำกำไรกลับยากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะกับคลินิกที่ต้องเผชิญกับสงครามราคาที่ไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่ายๆ ในขณะที่โรงพยาบาลกำลังก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำตลาดรายใหม่ด้วยจุดแข็งที่แตกต่างออกไป

 

ที่มา: ศูนย์วิจัยกสิกรไทย

 

เรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง